หลังจากจบทริปภาระกิจเวียดนามแล้ว เราก็เดินทางกลับไทยครับ โดยทริปนี้เราเริ่มตั้งแต่บินลง Ho Chi Minh ด้วย Air Asia และทยอยไล่เดินทางขึ้นเหนือมาเรื่อยๆ จนมาจบที่เมืองหลวง Hanoi และเดินทางกลับด้วย Vietjet Air สายการบิน Low Cost เจ้าดังประจำถิ่นที่เปิดให้บริการเป็นเจ้าแรกๆ หลังจากที่เวียดนามมีนโยบายเปิดประเทศ แต่ไม่ได้มีเที่ยวบินทุกวัน (ข้อมูล ณ วันที่ 10 เมษายน 2022 และคาดว่าจะมีเที่ยวบินบริการเพิ่มขึ้นเป็นทุกวัน เมื่อทั้งสองประเทศเปิดประเทศเต็มรูปแบบในเดือนพฤษภาคม 2022) ทำให้เราต้องวางแผนทริปนี้ให้รัดกุมเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเรา โดยเที่ยวบินนี้เราเดินทางในวันพุธ และมีเพียงเที่ยวบินเดียวที่บินไปกรุงเทพ ณ เวลานั้น ข้อมูลของเที่ยวบินนี้เป็นดังนี้
Route : Hanoi (Han) – Bangkok Suvarnabhumi (BKK)
Flight No. : VJ 901 (Vietjet Air)
Aircraft : Airbus A321
ETD : 12.10pm (GMT+7)
ETA : 14.00pm (GMT+7)
Duration : 1 Hour 50 minutes
Cabin : Economy

.
ทริปนี้เริ่มจากเราไปถึง Noi Bai International Airport ตั้งแต่ประมาณ 9.00 น. (ประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนเวลาเครื่องออก) โดยเรามาถึงสายกว่าที่คาดสักหน่อย เพราะสนามบินอยู่ค่อนข้างห่างจากตัวเมืองและในเมืองนั้นการจราจรค่อนข้างคับคั่ง ดังนั้นใครจะเดินทางไปสนามบินฮานอยก็ขอให้เผื่อเวลาสักหน่อยครับ เพราะช่วงโควิดอาจจะเสียเวลาเช็คเอกสารต่างๆ ในขั้นตอนเช็คอินพอสมควร


.
เมื่อมาถึงก็จัดการธุระส่วนตัว แลกเงิน และเตรียมเอกสารสักพักเคาน์เตอร์เช็คอินก็เปิด โดยเที่ยวบินของเราเช็คอินที่แถว A และก็เป็นไปตามคาด เพราะผู้โดยสารแต่ละคนใช้เวลาเช็คอินพอสมควร และไม่สามารถเช็คอินออน์ไลนได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องตรวจเอกสารอย่างละเอียด สำหรับผู้ที่จะเดินทางเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว โดยสิ่งที่ผู้โดยสารทุกคนต้องมีคือ
- Vaccine Certificate (สำหรับคนไทยใช้ International Certificate ที่ได้มาจากแอพหมอพร้อมได้)
- QR CODE ที่ได้จากการสมัคร Thailand Pass (โดยจะต้องสมัครล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันก่อนเดินทาง เพราะต้องใช้เวลาพิจารณา)
- ใบจองโรงแรมสำหรับมาตรการ Test & Go อย่างน้อย 1 คืน (ต้องเป็นโรงแรมที่ผ่านการรับรองโดยรัฐบาล) พร้อมรถรับส่งสนามบิน และแพคเก็จตรวจ RT-PCR และชุดตรวจ ATK สำหรับตรวจเองในวันที่ 5 หลังจากเข้าประเทศไทย (***อัพเดต ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2022 : ไม่ต้องใช้ใบนี้แล้ว เพราะประเทศไทยยกเลิกการกักตัวและตรวจ COVID เมื่อเข้าประเทศแล้ว ใช้เพียง Vaccine Certificate และ QR CODE จาก Thailand pass เท่านั้น***)



.
ใช้เวลาเช็คอินเกือบประมาณชั่วโมงก็ได้ Boarding Pass มา อีกสาเหตุที่ใช้เวลานานถึงแม้จะผู้โดยสารไม่เยอะ แต่เคาน์เตอร์เช็คอินก็เปิดเพียง 2 เคาน์เตอร์เท่านั้น จากนั้นก็ผ่านกระบวนการ Security check และ Immigration ให้เรียบร้อย


.
เมื่อผ่านกระบวนการทั้งหมดมาแล้ว ก็มีเวลาเดินเล่นหาอะไรกินและช็อปปิ้งสักหน่อย ร้านค้าปลอดภาษีและร้านอาหารที่นี่เปิดไม่กี่ร้าน ส่วนมากปิด 😦 เพราะเที่ยวบินยังมีไม่เยอะ วันนี้เราจะ Boarding กันที่ Gate – 28 ซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก




.
เดินหาของกินสักพักก็ได้ครัวซองพร้อมกาแฟมากินรองท้องไปก่อน เพราะอย่างอื่นยังไม่ถูกใจ จากนั้นก็มาที่ Gate ตามเวลา แต่…ก็มีประกาศดังขึ้นมาว่า “Delay” ประมาณชั่วโมงครึ่ง เพราะ Late Arrival ซึ่งก็สงสัยวนเครื่องไม่ทัน ทำให้เราต้องรอเครื่องออกจนเวลาประมาณ 13.30 น. และสักประมาณเกือบบ่ายโมงเครื่องบินก็เข้าเทียบ Aerobridge (สบายใจหน่อย…นึกว่าจะ Delay เพิ่มอีกแล้ว ยิ่งสายการบินนี้ที่เวียดนามขึ้นชื่อเรื่อง Delay อยู่แล้ว คนเวียดนามชอบเรียกสายการบินนี้ว่า “Sorry Airline” เพราะมักได้ยินประกาศขอโทษจากสายการบินนี้บ่อยๆ)


.
และเมื่อเครื่องมาถึงไม่นานพนักงานก็เรียก Boarding เที่ยวบินนี้ผู้โดยสารไม่เต็มเท่าไหร่ ดูจากสายตาคร่าวๆ น่าจะประมาณ 80 คนได้



.
ภายในเครื่องจัดที่นั่งแบบ 3-3 ความกว้างของที่นั่งก็ขนาดเหมือน Low Cost ทั่วไป ถึงจะไม่ค่อยกว้างแต่บินใกล้ๆ ก็พอไหว กระเป๋าหน้าที่นั่งก็มีนิตยสารให้อ่าน (ครึ่งนึงเป็นภาษาอังกฤษ อีกครึ่งภาษาเวียดนาม)



.
เมื่อผู้โดยสาร Boarding ครบแล้วก็ Push back ทันที เมื่อสัญญาณรัดเข็มขัดดับลงก็ขอสำรวจห้องน้ำก่อน



.
จากนั้นก็นั่งชมวิวไปเรื่อยๆ วันนี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส

.
บินมาได้สักชั่วโมงเศษ กัปตันก็เริ่มลดระดับเครื่องลงเตรียม Landing ที่สนามบินสุวรรณภูมิ กัปตันประกาศว่าอากาศที่ปลายทางอยู่ที่ 35 °C ช่างคนละเรื่องกับที่ต้นทางฮานอย ซึ่งอุณหภูมิเพียง 22 °C เท่านั้น
จากนั้นไม่นานกัปตันก็พา Landing อย่างปลอดภัย ที่เวลาประมาณ 15.30 น.

.
เมื่อออกจากเครื่องแล้ว เราก็ต้องไปเข้าคิวเพื่อผ่านกระบวนการคัดกรอง COVID และตรวจเอกสารต่างๆ สำหรับเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัวตามมาตรการ Test & Go โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขก่อน หากทุกอย่างผ่านตามเกณฑ์ เจ้าหน้าที่จะประทับตามให้ในหน้าพาสปอร์ต เพื่อนำไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอีกครั้ง



.
หลังจากผ่านกระบวนการทั้งหมดแล้ว เราก็รับกระเป๋าที่สายพานหมายเลข 9

.
แต่ ณ วันนั้นกระบวนการเข้าประเทศยังไม่จบ เพราะเราจะต้องออกไปหาเคาน์เตอร์ของโรงแรมที่เราจองไว้เพื่อให้เขาพาเราไปตรวจ COVID แบบ RT-PCR ด้วยรถรับส่งของโรงแรมให้เรียบร้อย และนำเราไปกักตัวที่โรงแรมจนกว่าผลจะออก ซึ่งหากผลเป็น Negative เราก็สามารถ Checkout ออกจากโรงแรมได้เลย (งวดนี้เราใช้บริการโรงแรมโนโวเทลสุขุมวิท-เพลินจิต) ปกติใช้เวลาประมาณ 8 – 12 ชั่วโมง แต่กรณีของเราคือไฟลท์ Delay กว่าจะออกจากสนามบินได้ก็เกือบ 17.00 น. ไปถึงที่ตรวจ COVID ประมาณ 17.30 น. เจ้าหน้าที่แจ้งว่าผลจะออกประมาณตีสอง ตรวจเสร็จเจ้าหน้าที่ก็ให้ชุดตรวจ ATK มาหนึ่งชุดสำหรับตรวจอีกครั้งในอีก 5 วันถัดไป และโรงแรมก็แจ้งว่าจะบอกผลให้ทราบตอนเช้าของอีกวัน ระหว่างกักตัวห้ามออกจากห้อง แต่สามารถสั่งอาหารจากโรงแรมหรือข้างนอกให้มาส่งที่หน้าห้องได้ และเมื่อรุ่งเช้าผลออกมาเป็น Negative เราก็ Checkout ออกจากโรงแรมประมาณ 9.30 น. ก็ถือว่าเราเสร็จสิ้นกระบวนการตามมาตรการ Test & Go ไป 90% และนับไปอีก
และข้อมูลเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2022 นั้น ทางรัฐบาลไทยยกเลิกมาตรการ Test & Go แล้ว ผู้เดินทางเข้าประเทศไทยไม่ต้องตรวจหาเชื้อ COVID แล้ว เพียงแค่ลงทะเบียน Thailand Pass ล่วงหน้าและมีใบ Vaccine Certificate ก็สามารถเข้าไทยแบบไม่ต้องกักตัวได้เลย นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับนักเดินทางอย่างยิ่งที่สามารถลดเวลาและค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ (เพราะค่าตรวจ RT-PCR / ค่าโรงแรมกักตัวหนึ่งคืน / ค่ารถรับส่ง / ค่าชุดตรวจ ATK นั้นรวมกันแล้วประมาณ 4,600 บาท หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับความหรูของโรงแรม)
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่เราเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้สนใจ และเนื่องด้วยสถานการณ์ COVID ยังคงเอาแน่ไม่ได้ มาตรการภาครัฐอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นผู้เดินทางจึงควรหมั่นตรวจสอบประกาศจากทางราชการเป็นระยะ เพื่อให้เราสามารถเตรียมตัวและทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง และสุดท้ายนี้ก็ขอให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว เพื่อที่เราจะได้มีความสุขกับการเดินทางอีกครั้งครับ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
Written By : Shipy Siwarit Tiasuwattiseth