พวกเราวางแผนจะไปเที่ยวเชียงคานกันตั้งแต่ต้นปี 2021 แต่โควิดเจ้ากรรมดันมาระบาดเสียก่อน ทำให้ทริปของเราต้องพับไป จนโควิดเริ่มมาดีขึ้นช่วงปลายปี เราจึงตัดสินใจเอาทริปนี้ขึ้นมาปัดฝุ่นและทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาอีกครั้ง พวกเราตัดสินใจจะไปกัน 3 วัน 2 คืน โดยขับรถออกจากกรุงเทพในเช้ามืดของวันแรก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 – 9 ชั่วโมง โดยใช้เส้นทางกรุงเทพ – สระบุรี – ลพบุรี – เพชรบูรณ์/หล่มสัก – ภูเรือ – เชียงคาน แต่เอาเข้าจริงก็ใช้เวลานานกว่านั้น เพราะเราไปแบบสบายๆ แวะไปเรื่อยระหว่างทาง ถือว่าเป็น “กำไร” ของทริปนี้ไปครับ
เราเริ่มจากออกเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ตะวันยังไม่ขึ้นเลย เพราะวันนี้วันลอยกระทงด้วย เราอยากจะไปสัมผัสบรรยากาศลอยกระทงที่เชียงคานกันสักครั้ง ระหว่างทางดูแผนที่แล้วเราต้องขับเฉียดเขาค้อเลยมองหน้ากันแล้วตกลงกันว่าจะแวะเที่ยว “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” กัน 🙂 เราไปถึงวัดกันประมาณ 11 โมง (ก่อนหน้านั้นแวะทานข้าวเช้ากันที่ลพบุรีเรียบร้อย) วัดนี้ตั้งอยู่บนเขา จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือพระพุทธรูปสีขาวปางสมาธิขนาดใหญ่ห้าองค์เรียงไล่ระดับจากใหญ่ไปเล็กมองเห็นมาแต่ไกล ใครที่ไปเที่ยวเขาค้อก็ต้องแวะชมความงามของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วชนิดว่าพลาดไม่ได้เลยทีเดียว



.
เราใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ เดินชมและถ่ายรูปบริเวณวัดและวิวบนเขาจากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว พร้อมกับสักการะพระประธาน สักเที่ยงครึ่งเราก็เดินทางต่อเพื่อไปยังจุดหมายหลักของเรา ตอนนั้นก็เลยครึ่งวันไปแล้ว แต่เราไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น และระหว่างทางไปเชียงคานนั้นเราก็เจอป้ายข้างทางบอกเส้นทางไป “พระธาตุศรีสองรัก” ซึ่งเป็นพระธาตุประจำจังหวัดเลย เราก็ไม่พลาดที่จะแวะชม (อีกแล้ว 😛 )
เราไปถึงพระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย ประมาณสักบ่ายสองเศษ ตัวพระธาตุตั้งอยู่ไม่ห่างจากทางหลักที่เราจะไปเชียงคานมาก จึงแวะได้แบบสบายๆ ชิลล์ๆ ซึ่งพระธาตุศรีสองรักนั้นเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความสัมพันธ์ไทย-ลาว ที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นแบบบ้านพี่เมืองน้อง


.
เราใช้เวลาที่พระธาตุศรีสองรักม่นานครับ เพราะนึกขึ้นได้ว่าพวกเรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันเลย จึงอำลาพระธาตุศรีสองรักไปหาส้มตำ ของขึ้นชื่อของถิ่นอีสานลงท้องกัน และตกลงกันว่าเมื่อท้องอิ่มแล้ว เราจะยิงยาวไปเชียงคานเพื่อเช็คอินเข้าที่พักและออกไปเดินถนนคนเดินเชียงคานและลอยกระทงกัน
เราไปถึงเชียงคานกันประมาณห้าโมงครึ่ง ตอนนั้นก็ตะวันเกือบจะตกดินแล้ว เมื่อไปถึงเราก็เช็คอินเข้าที่พักของเรา โดยทริปนี้เราไปกัน 6 คน จึงตัดสินใจจองบ้านเป็นหลังเพื่อความเป็นส่วนตัว ทริปนี้เราพักกันที่ เฮือนไม้แฮกดี ที่สามารถเดินไปถนนคนเดินได้เพียงแค่ 1 นาที เจ้าของใจดีแะเป็นกันเองมาก ห้องนอนและห้องน้ำสะอาด น่าพัก ทำให้เรารู้สึกเหมือน “กลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อมาพักผ่อน” จริงๆ หลังจากที่เราเก็บข้าวของ ล้างหน้าล้างตากันแล้ว ประมาณสักหกโมงครึ่ง ฟ้าเริ่มมืด เราก็ขอออกไปเที่ยวถนนคนเดินเชียงคานกัน วันนี้เป็นเย็นวันศุกร์ที่ตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสอง วันลอยกระทงพอดิบพอดี ผู้คนออกมาเที่ยวและลองกระทงที่ริมแม่น้ำโขงกันอย่างคึกคักมาก





.
ขอบอกว่าถนนคนเดินเชียงคานนั้นของกินเยอะมาก เจริญตาและเจริญพุง น่ากินทุกอย่างเลย เราไม่รู้จะแนะนำอะไร เพราะเราลองมาแทบทุกอย่าง อร่อยทุกอย่าง หรือใครสายชิลล์ ก็มีร้านน่านั่งให้จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ตลอดถนนที่มีความยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร แถมด้วยอากาศเย็นๆ ช่วงปลายฝนต้นหนาวตอนที่พวกเรากำลังไป เรียกได้ว่าบรรยากาศแบบนี้มันชวนให้เคลิ้มจนลืมเรื่องหนักๆ ในชีวิตไปได้เลย 🙂




หลังจากที่เราอิ่มท้องอิ่มใจและอิ่มตาจากการเดินเที่ยวถนนคนเดินแล้ว ประมาณสองทุ่มครึ่งเราก็เดินกลับที่พักเพื่อพักผ่อนเอาแรงไว้ เพราะพรุ่งนี้เราวางแผนว่าจะตื่นกันตั้งแต่เช้ามืดไปดูทะเลหมอกพร้อมพระอาทิตย์ขึ้นที่ “ภูทอก” กัน
โดยรวมแล้ววันนี้เราตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเดินทางมาเชียงคาน ระหว่างทางก็แวะเที่ยวสถานที่ที่เราไม่ได้มีในแผน เป็นโบนัสของเราในทริปนี้ เรียกได้ว่าวันนี้เราได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าอีกวัน ถึงแม้จะเหนื่อยแต่ก็รู้สึกสุขใจที่ได้ออกไปสัมผัสบรรยากาศที่เรียกได้ว่า “พักผ่อน” อย่างแท้จริง…..
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
SHIPY SIWARIT TIASUWATTISETH : เขียน