เริ่มจากทริปนี้ผมต้องเดินทางไปทำงานที่ศรีลังกาอีกครั้ง แต่กว่าจะคอนเฟิร์มทุกอย่างได้กว่าปาเข้าไปเนิ่นนานจนเหลือเวลาอีกประมาณ 5 วันก่อนเดินทาง ถึงตอนนั้นยังไม่ได้จองตั๋วเลย เลยกังวลว่าการบินไทยเจ้าประจำนั้นราคาจะแพงมหาโหด ซึ่งพอเข้าไปเช็คราคาก็เป็นจริงดังตาเห็น ราคาขึ้นไปไกลเหลือเกิน เลยตัดสินใจไปดูอีกช่องทางของสายการบินเจ้าถิ่นอย่าง Sri Lankan Airline ซึ่งราคาดูนุ่นนวลน่าสัมผัสกว่าเยอะ อีกทั้งเป็นเที่ยวบินตรง ให้บริการแบบ Full service พร้อมสามารถสะสมไมล์กับเครือข่าย One World ได้ด้วย แถมมีเที่ยวบินให้เลือกมากกว่า ว่าแล้วก็รีบจัดการจองอย่างไม่ต้องลังเล (ถึงตอนนั้นลังเลนานไม่ได้ คำว่าช้าๆ ได้พร้าเล่มงามคงไม่เหมาะกับเหตุการณ์ตอนนั้น ถึงแม้เงินค่าเครื่องจะไม่ใช่เงินเราก็เถอะ แต่ในเมื่อบริษัทจ่ายให้ก็ต้องหาตัวเลิอกที่ดีที่สุดให้บริษัทเรา จริงป่ะ…พนักงานดีเด่น 😀 )
หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินราคาเป็นมิตรตามที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการขอวีซ่า ซึ่งวิชาเก่ายังใช้ได้ นั่นคือการขอวีซ่าศรีลังกาแบบออนไลน์ ซึ่งขอได้ภายในไม่เกิน 1 ฃั่วโมง เมื่อตั๋วพร้อม วีซ่าพร้อม ทุกอย่างพร้อม ก็ได้เวลาบินไปศรีลังกากันอีกรอบครับ
ROUTE : Bangkok (BKK) – COLOMBO (CMB)
FLIGHT : UL405 – Sri Lankan Airline
AIRCRAFT : Airbus 330-200
DATE : 01.04.2018
ETD : 01:55PM (GMT+7)
ETA : 03:45PM (GMT+5.5)
DURATION : 3 HOURS 20 MINUTES
CABIN : ECONOMY
เริ่มจากผมไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณ 11.00 น. ก่อนเวลาเดินทางจริงประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อจัดการแลกเงินและทำธุระอื่นๆ ที่จำเป็นก่อนออกนอกประเทศให้เรียบร้อย จากนั้นก็ไปเช็ตอินและฝากกระเป๋าโหลดใต้เครื่องที่เคาน์เตอร์ Q ตามประกาศที่หน้าจอสนามบิน
จริงๆ ผมจัดการเช็คอินออนไลน์มาเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่มาโหลดกระเป๋าสัมภาระและตรวจวีซ่าที่เคาน์เตอร์เท่านั้น สิ่งที่ผมเห็นคือเคาน์เตอร์เช็คอินออนไลน์นั้นคิวแทบไม่มีเลย ส่วนเคาน์เตอร์เช็คอินปกติคนยาวเป็นหางงูขดหลายรอบเลย คิดถูกแล้วที่เช็คอินออนไลน์มาจากบ้าน มีเวลาเดินชิวๆ 🙂
เคาน์เตอร์เช็คอินออนไลน์คนแทบไม่มีเลย
หลังจากที่เช็คอินรับ Boarding pass มาเรียบร้อยแล้ว ก็ผ่าน Security และ Immigration ตามปกติ วันนี้เราจะขึ้นเครื่องที่ Gate : D4 ซึ่งเป็น Jet bridge gate
เนื่องจากผมมาถึงก่อนเวลาและได้เช็คอินออนไลน์มา จึงมีเวลาเหลือสักชั่วโมงก่อนถึงเวลาขึ้นเครื่องเลยเดินเล่นคร่าเวลานิดหน่อยก่อนจะไปที่ Gate ตามเวลา Boarding time ที่หน้าตั๋วโดยสาร
เมื่อถึงเวลาผมก็ไปที่ Gate ตามเวลานัดหมาย เมื่อไปถึงก็เห็น A330-200 ของ Sri Lankan Airline กำลังเข้าเทียบ Gate พอดี คิดว่าน่าจะเพิ่งมาจากศรีลังกาไฟลท์เช้าและบินกลับเลย
หลังจากที่นั่งรอสักประมาณ 20 นาทีรอคนลงเครื่องและจัดเตรียมความพร้อมก่อนเที่ยวบินถัดไป ก็บอร์ดดิ้งตามเวลาเป๊ะ
ที่นั่งชั้นประหยัดเครื่องรุ่นนี้ของ Sri Lankan จัดที่นั่งแบบ 2-4-4 ตามมาตรฐาน Full service ทั่วไป (Low Cost อาจจะจัดแบบ 3-3-3)
หลังจากได้ที่นั่งเรียบร้อบแล้วก็สำรวจเฟอร์นิเจอร์และของชำร่วยหน้าที่นั่งก่อนครับ เครื่องรุ่นนี้มี PTV ด้วยสำหรับชั้นประหยัด และรายการหนังและความบันเทิงไม่น่าสนใจและไม่ค่อยอัพเดตเท่าไหร่ หนังและเพลงมีสามภาษาหลัก คือ อังกฤษ จีน และภาษาท้องถิ่น ส่วนที่นั่งนั้นถือว่ากว้างพอใช้ได้นั่งไม่อึดอัดมากสำหรับคนสูง 183 ซม. อย่างผม และมีหมอนน้อยๆ ให้กอดให้หนุนระหว่างทางหนึ่งใบ ส่วนผ้าห่มถ้าอยาดได้ทาง Cabin Crew มีไว้บริการ สามารถเรียกให้เอามาให้ได้
หลังจากที่โหลดผู้โดยสารเรียบร้อยและแสดง Safety Demonstration แล้ว ก็ Push back ออกจากสุวรณภูมิตามเวลาเป๊ะ
หลังจากที่ไต่ระดับได้ที่และสัญญาณรัดเข็มขัดดับลงก็เริ่มสำรวจห้องน้ำก่อนเป็นอันดับแรก ถือเป็นการหาอะไรทำระหว่างรอบริการเสิร์ฟอาหาร โดยรวมถือว่าห้องน้ำสะอาดใช้ได้ มีโคโลญจ์กลิ่นมะกรูดไว้ใช้ดับกลิ่นด้วย
จากนั้นก็เริ่มบริการอาหารร้อน โดยจะมีเมนูมาแจกให้เราก่อน สำหรับชั้น Economy มีให้เลือกสองตัวเลือก แต่สำหรับผมสั่งอาหารล่วงหน้าเป็น Gluten Free Meal ไว้ อาหารที่ได้จึงเป็นสเต็กไก่ในซอสมะเขือเทศ เสิร์ฟพร้อมสลัดมันบด และผลไม้สด
จากนั้นก็มีชากาแฟและน้ำผลไม้เสิร์ฟตลอดการเดินทาง มาศรีลังกาก็ต้องลองชาของขึ้นชื่อของที่นี่ แล้วก็ตามด้วยขอน้ำแอปเปิ้ลมานั่งดื่มไปเรื่อยๆ แล้วก็อ่านหนังสือสลับกับนั่งชมวิวไป
จากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือสลับกับหาอะไรดูจาก PTV สักประมาณอีก 2 ชั่วโมงก็เริ่มลดระดับ สัญญาณรัดเข็มขัดติด และเตรียมแลนด์ดิ้งที่ Bandaranaike international airport
เมื่อลงจอดเรียบร้อยแล้วก็ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าที่สายพานหมายเลข 4 จากนั้นก็เดินหารถของโรงแรมที่นัดไว้เพื่อมารับเราไปโรงแรมที่จองไว้ย่าน Negombo ซึ่งไม่ไกลจากสนามบินมาก (ประมาณ 20 – 30 นาที) แล้วก็พักผ่อนเอาแรงก่อนที่จะเริ่มลุยงานในวันถัดไป
โดยรวมแล้วผมให้คะแนน 9 เต็ม 10 สำหรับการบินเที่ยวบินนี้ ส่วนที่ตัด 1 คะแนน ก็เพราะสภาพเบาะที่เก่าและออกแบบมาให้หนาไปนิดนึงทำให้พื้นที่ Seat Pitch ดูแคบไปหน่อย และ PTV ที่ใช้คงเป็นรุ่นเก่าซึ่งทำงานค่อนข้างช้า (อารมณ์เหมือนโทรศัพท์เก่าที่เมมโมรี่ใกล้เต็ม กดแล้วต้องรอสักพักกว่าจะทำงาน)
และทั้งหมดนี้เป็นรีวิวการเดินทางจากกรุงเทพไปศรีลังกาด้วย Flag carrier ของเจ้าถิ่นซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจอีกตัวเลือกหนึ่ง และนอกจากคนที่จะใช้บินตรงไปศรีลังกาแล้ว ยังสามารถเป็นตัวเลือกในการต่อเครื่องไปยุโรป ตะวันออกกลาง อินเดีย หรือมัลดีฟส์ได้ในราคาที่ย่อมเยาด้วยครับ 😛
ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูลดีๆ ที่สามารถใช้เป็นแนวทางน้อนรอยได้ รอติดตามเรื่อยๆค่ะ
ส่งจาก iPhone ของฉัน
เมื่อ 10 เม.ย. 2561 เวลา 18:41 เขียนโดย Shipy – Ship <comment-reply@wordpress.com>:
Shipy Siwarit Tiasuwattiseth posted: ” เริ่มจากทริปนี้ผมต้องเดินทางไปทำงานที่ศรีลังกาอีกครั้ง แต่กว่าจะคอนเฟิร์มทุกอย่างได้กว่าปาเข้าไปเนิ่นนานจนเหลือเวลาอีกประมาณ 5 วันก่อนเดินทาง ถึงตอนนั้นยังไม่ได้จองตั๋วเลย เลยกังวลว่าการบินไทยเจ้าประจำนั้นราคาจะแพงมหาโหด ซึ่งพอเข้าไปเช็คราคาก็เป็นจริ”
LikeLike
ขอบคุณสำหรับรีวิว ผมยื่นวีซ่าออนไลน์ ศรีลังกาได้ ก็เพราะรีวิวของคุณ มีประโยชน์มากครับ
LikeLike
ยินดีครับ
เที่่ยวให้สนุก 🙂
LikeLike