ทริปนี้ผมไปทำงานที่เวียดนามครับ โดยมีภารกิจที่ต้องไปที่เมืองใต้สุดของประเทศเวียดนามที่มีชื่อว่า “ก่าเมา (Ca Mau)” เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ครับ ประชากรมีไม่ถึงล้านคน เมืองนี้มีระยะทางจากกรุงโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh) ประมาณ 300 กิโลเมตร การเดินทางระหว่างเมืองก่าเมาไปโฮจิมินห์ทำได้ 2 วิธีคือทางถนนและทางเครื่องบิน โดยทริปนี้ผมเลือกที่จะเดินทางโดยทางเครื่องบิน เพราะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งต่างจากทางถนนที่อาจจะใช้เวลาถึง 6 – 7 ชั่วโมง เพราะว่าการจราจรทางถนนของเวียดนามนั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งถนนที่แคบมีแค่สองเลนและกฏหมายจำกัดความเร็วของเวียดนามที่ค่อนข้างเข้มงวดมา ทำให้คนขับรถขับขี่ที่ความเร็วได้ไม่มากนัก
การเดินทางโดยเครื่องบินระหว่างก่าเมาไปโฮจิมินห์นั้นมีข้อจำกัดอยู่ที่มีเที่ยวบินแค่วันละไฟลท์เท่านั้น !!! และมีผู้ให้บริการเจ้าเดียวคือสายการบินแห่งชาติอย่าง “เวียดนามแอร์ไลน์ (Vietnam Airline)” ซึ่งผู้ทำการบินให้คือบริษัทลูกอีกทีคือ Vietnam Air Service Co.,Ltd. หรือ VASCO เจ้าของสโลแกน “Short distance, long happiness“โดยใช้เครื่องบินใบพัดรุ่น ATR-72 Turbodrop ในการบิน โดยข้อมูลของเที่ยวบินนี้เป็นดังนี้
Flight Number : VN8060
Airline : Vietnam Airline (Operated by VASCO)
Route : Ca Mau (CAH) – Ho Chi Minh (SGN)
Flight time : 07.25am – 08.30am
Duration : 1 Hour 5 minutes
Aircraft : ATR – 72 Turbodrop
เริ่มจากผมมาถึงสนามบินก่าเมาเวลาประมาณ 6.45 น. ครับ (ก่อนเครื่องออก 40 นาทีเท่านั้น ตามคำแนะนำของพนักงานโรงแรมที่มีรถรับส่งฟรี) เพื่อมาเช็คอินที่สนามบิน โดยสนามบินค่อนข้างเล็ก มีเพียง 2 เคาน์เตอร์เท่านั้นทำให้ไม่ต้องเผื่อเวลามากนัก และไม่ต้องกลัวว่าจะติดต่อผิดช่อง เพราะมีแค่วันละไฟลท์และมีแค่สายการบินเดียวที่ให้บริการ 😀 (เรียกได้ว่าไฟลท์นี้บินจบก็ปิดสนามบินได้เลย เจอกันอีกทีพรุ่งนี้)
บรรยากาศด้านนอกสนามบิน ด้านในโถงผู้โดยสารขาออก (และขาเข้าที่อยู่แทบจะติดกัน เพราะสนามบินเล็กมาก) และเคาน์เตอร์เช็คอินครับ
หลังจากเช็ดอินแล้วก็ได้บอร์ดดิ้งพาสมาครับ
ซึ่งระหว่างนั้นผใมีเวลาพอที่จะหาอะไรใส่ท้องระหว่างรอขึ้นเครื่องครับ เพราะผ่าน Security ไปก็บอร์ดดิ้งเลย ไม่มีอะไรขายแล้ว และที่บริการโถงผู้โดยสารขาออกนั้นมีร้านอาหารอยู่ 1 ร้านขายจำพวกเฝอและกาแฟ ผมเลยจัดไป 1 ชามพร้อมกาแฟเย็นสไตล์เวียดนาม 1 แก้ว หมดไป 50,000 ด่อง (ประมาณ 80 บาท)
จากนั้นก็ผ่าน Security ซึ่งเมื่อไปถึง ยานพาหนะก็รอเราอยู่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่บอกให้ไปนั่งรอก่อน เครื่องยังไม่พร้อม แต่ผมนั่งได้ประมาณ 5 นาทีก็ดันเรียกบอร์ดดิ้งซะงั้น (คงไล่ไปนั่งเพราะต้องการความเรียบร้อย ไม่รุงรัง เพราะสนามบินเล็กมาก หากทุกคนยืนแล้วไปกระจุกกันที่ประตูบอร์ดดิ้ง คงทำให้ดูวุ่นวาย)
พอได้เวลาบอร์ดดิ้งครับ เจ้าหน้าที่ก็เปิดประตูและตรวจบัตรโดยสาร และเดินไปขึ้นเครื่องที่จอดห่างจากประตูไปถึง 20 เมตร
***** มุมบังคับ *****
บรรยากาศภายในครับ ที่นั่งจัดเป็น 2-2 ตามสไตล์เครื่อง ATR-72 ทั่วไปและมีเพียงชั้นเดียว Seat Pitch นั้นฟิตกับตัวผมที่สูง 183 พอดี ดีที่บินแค่ชั่วโมงเดียว ไม่งั้นผมอึดอัดแน่หากบินยาวด้วย Seat pitch เท่านี้
สำรวจของในกระเป๋าหน้าที่นั่งครับ
ขณะที่เครื่องกำลัง Taxiing ก็เริ่มแจกผ้าเย็นและน้ำดื่มครับ (ขณะที่เครื่องบินอยู่นั้น ไม่แจกอะไรแล้ว ได้เท่านี้จริงๆ)