ทริปนี้ผมวางแผนไปเที่ยวศรีลังกาครับ โดยจุดมุ่งหมายของทริปนี้คือ
-
การชมสถานที่สำคัญทางศาสนาพุทธของศรีลังกากับการชมเมืองเก่าอย่าง Kandy
-
การได้นั่งรถไฟศีลังกาซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในขบวนรถไฟที่มีวิวสวยงามติดอันดับโลก
-
การไปชมไร่ชาศรีลังกา ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าส่งออกชาคุณภาพติดอันดับโลก ที่เมืองต้นกำเนิดอย่าง Nuwara Eliya
ส่วนนอกเหนือจากนั้นคงต้องยกไปไว้สำหรับการไปเยือนศรีลังกาในคราวหน้าของผม เนื่องจากผมมีเวลาเที่ยวจริงๆ แค่เพียง 3 วันเท่านั้น แต่ในเมื่อตัดสินใจว่าจะไปแล้วยังไงก็ต้องไปให้ได้ตามสไตล์ของผม ถึงแม้เวลาจะน้อยก็ตาม (Wherever I want to go, I go. —- Jack Sparrow)
ผมวางแผนล่วงหน้าประมาณ 3 เดือนและจัดการเช็คตั๋วเครื่องบินแล้วปรากฏว่าสายการบินที่ราคาถูกที่สุดคือสายการบินสัญชาติมาเลเซียอย่าง Malindo Air ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Lion Air โดยทางสายการบินเองเคลมว่าเค้าคือ “Value added low cost” นั่งคือเป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่มาพร้อมบริการอาหารหรือของว่างบนเครื่องฟรี เลือกที่นั่งฟรี และโหลดกระเป๋าฟรี แต่การจะไปลงสนามบินโคลัมโบของศรีลังกา (CMB) ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL; KLIA-1) เพราะไม่มีเที่ยวบินตรงจากไทย ซึ่งเสียเวลาต่อเครื่องประมาณ 6 ชั่วโมง แต่แลกมาด้วยค่าตั๋วที่ถูกกว่าบินตรงเกือบครึ่ง (บินตรงอย่าง Srilankan Airline หรือการบินไทยอยู่ที่ไป-กลับ ประมาณ 12,000 – 13,500 บาท ส่วน Malindo air ให้ราคามาที่ 7,000 บาทเท่านั้น) ขาเที่ยวแบบ Backpacker งบน้อยจึงไม่ลังเลเลยที่จะบินกับพี่สิงโต
อารัมภบทมาพอสมควรแล้ว เรามาเข้าเรื่องสำหรับการบินวันนี้กันเลยดีกว่าครับ
Flight Information
Flight – 1
Route : Bangkok Don Mueang (DMK) – Kuala Lumpur (KUL)
Flight : OD 521 – Malindo Air
Aircraft : Boeing 737 – 900
Date : 15 June 2016
ETD : 11.50am (GMT+7)
ETA : 3.00pm (GMT+8)
Duration : 2 hours 10 minutes
Cabin : Economy
Flight – 2
Route : Kuala Lumpur (KUL) – Colombo (CMB)
Flight : OD 185 – Malindo Air
Aircraft : Boeing 737 – 900
Date : 15 June 2016
ETD : 10.25pm (GMT+8)
ETA : 11.25pm (GMT+5.5)
Duration : 3 hours 30 minutes
Cabin : Economy
เริ่มจากมาเช็คอินที่สนามบินดอนเมือง (DMK) ครับ ไฟลท์เราเวลา 11.50 น. ผมไปถึงประมาณ 9.30 น. ครับ มีเวลาเช็คอิน โหลดกระเป๋า และรับ Boarding pass พอสมควร ซึ่งดูจากแถวเราแล้วคนไม่เยอะครับ ส่วนมากเป็นชาวมาเลเซีย มีคนไทยไม่เกิน 10 คน พนักงานน่ารักครับ บอกว่ากระเป๋าสามารถ Check – Thru ไปรับทีเดียวที่ Colombo ได้เลย เท่ากับว่าผมมีเวลาเดินตัวปลิวสบายๆ ที่ KLIA หาอะไรกินประมาณ 5 – 6 ชั่วโมงครับ
เช็คอินที่แถว 8 สนามบินดอนเมืองครับ
‘
Boarding pass ได้มาทีเดียวสองใบเลยครับทั้งขา DMK – KUL และ KUL – CMB
โดยที่ดอนเมืองเราจะไป Boarding กันที่ Gate 22 ครับ เดินไม่ไกลมาก
ระหว่างรอผมก็เดินเล่น หาอะไรกินก่อนขึ้นเครื่อง กลัวไม่มีอะไรกินบนเครื่องหรือแจกอาหารแบบพอมีแจก ถึงแม้จะเป็น Low cost บริการแบบ full service ก็ตาม แต่กลัวจะไม่จัดเต็ม Full service ทั่วไป เพราะไม่เคยบินสายการบินนี้มาก่อน ดังนั้นกินไว้ก่อนดีกว่า ท้องหิวแล้วจะลำบากเอา 😀
มาถึง Gate แล้วประมาณ 11.15น. ปรากฏว่าเครื่องยังไม่มาเลยครับ (เครื่องลำนี้บินมาจากกัวลาลัมเปอร์แล้วรับคนจากดอนเมืองกลับกัวลาลัมเปอร์เลย) ในใจคิดว่าดีเลย์ชัวร์
แต่พอนั่งไปได้สัก 10 เครื่องก็ลงพอดีครับ และ Taxi มาที่ Gate ตามระเบียบ
สักประมาณ 11.45น. ก็เรียก Boarding ครับ เตรียมเครื่องเร็วมาก
มุมบังคับ สำหรับ Flight Reviewer !
บรรยากาศใน Cabin ครับ
ชั้นธุรกิจจัดแบบ 2-2 มีทั้งหมด 12 ที่นั่ง (3 แถว)
ชั้นประหยัดจัดแบบ 3-3 ตามมาตรฐานเครื่องแบบ Single Aisle ทั่วไป
สภาพที่นั่ง สิ่งบันเทิง และเอกสารในกระเป๋าหน้าที่นั่งครับ
Low cost แต่มี PTV ให้นะครัช มีหนังให้ดูประมาณ 20 เรื่อง เป็นหนังฝรั่งพากย์อังกฤษประมาณ 12 เรื่อง หนังจีนกับหนังอินโดนีเซียอีกอย่างละ 3 – 4 เรื่อง
Seat pitch กว้างเกือบเท่า Full service อย่าง TG หรือ MH เลยครับ ผมสูง 183 ซม. สามารถนั่งได้แบบสบายๆ ไม่อึดอัดเหมือน Low cost ทั่วไปครับ อาจเป็นเพราะเบาะที่นั่งที่ออกแบบมาแบบบางเฉียบเลยทำให้ที่นั่งกว้างขึ้น
เอกสารต่างๆ ใน Seat Pocket ครับ
วันนี้ โหลดผู้โดยสารน้อยครับ ประมาณ 40% (ประมาณ 80 คน) ผมนั่งคนเดียวสามที่นั่งเลย สบายโจรอีกแล้ว นั่งได้ไม่นานก็ “Cabin crew, arm the door and cross check” แล้วก็ push back ออกจากดอนเมืองครับ
ลืมบอกไปครับ ในขณะที่ Taxiing หรือช่วงที่สัญญาณรัดเข็มขัดสว่างนั้น ยังไม่สามารถใช้ PTV ได้ครับ ต้องรอให้เครื่องตั้งลำก่อนครับถึงจะเริ่มใช้ได้
ตั้งลำได้ก็สำรวจห้องน้ำครับ แบบยังไม่มีใครไปใช้ ถือว่าสะอาดดีครับ
จากนั้นก็บริการอาหารว่างครับ เริ่มจากน้ำผลไม้ ผมเลือกน้ำส้ม และก็น้ำเปล่า จากนั้นก็แจกขนมปังไส้กรอก และตามด้วยชา-กาแฟ (กะแล้วว่าคงไม่ได้เสิร์ฟ Hot Meal เหมือน full service ทั่วไป )
หลังจากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือไปสักพัก สัญญาณรัดเข็มขัดก็ติดและเตรียม Landing ที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KLIA-1) ครับ ดีเลย์ไปประมาณ 1 ชั่วโมงเพราะบินวน อาจเป็นเพราะการจราจรคับคั่งช่วงนั้น
หลังจากลงเครื่องแล้วก็เดินผ่าน ตม. ออกมาหาอะไรกินครับ
สำหรับสนามบิน KLIA-1 นั้นจะมี Food Garden อยู่ที่ชั้นสอง ซึ่งราคาเป็นมิตรสำหรับ Backpacker อย่างยิ่ง ราคาประมาณ Food court ตามห้างบ้านเรา และก็มีร้าน 7-Eleven ซึ่งมีของกินเล็กๆ น้อยๆ สำหรับเอามานั่งกินขณะนั่งรอครับ
จากนี้ราคา 6.75 MYR (ประมาณ 60 บาท) มันคือข้าวกับไก่อบน้ำผึ้ง (รสเค็มๆ หวานๆ) ยำไข่เจียว (รสเปรี้ยวๆ เค็มๆ ไม่เผ็ด) และถั่วลิสงผัดปลาแห้ง ปริมาณเยอะมาก อิ่มจนจุกครับ
ส่วนนมถั่วเหลืองรสช็อคโกเลต Hershey กับยาคูลท์มาเลย์ ซื้อจาก 7-Eleven ที่ชั้น Departure hall
สักประมาณ 19.30 น. เข้าไปผ่าน ตม. และ Security เพื่อไปรอขึ้นเครื่องที่ Gate ครับ โดยอยู่ที่ Gate C-13 ต้องขึ้นรถรางไฟฟ้าไปอีก Terminal นึงครับ
มาถึง Gate เครื่องก็จอดรอเราอยู่แล้ว
นั่งรอแล้ว รอเล่าก็ไม่ประกาศ Boarding สักที จนถึงเวลา 23.00 น. ก็ประกาศว่าเที่ยวบินนี้ต้องดีเลย์ เนื่องจากปัญหาทางเทคนิค แต่ยังบอกเวลาไม่ได้ จนประมาณเที่ยงคืนจึงค่อยเรียก Boarding
บรรยากาศภายในตัวเครื่องครับ
เหมือนกับขาที่ผมมาจากดอนเมือง เพราะเป็นเครื่องรุ่นเดียวกัน
Load ผู้โดยสารประมาณไม่เกิน 60% ครับ ผมได้นั่งคนเดียวสามที่อีกแล้ว นอนยาวล่ะคราวนี้
เนื่องจากไฟลท์ดีเลย์มาพอสมควรแล้ว (ประมาณชั่วโมงครึ่ง) เมื่อโหลดผู้โดยสารครบ ก็ Push back ออกเดินทางทันที
เมื่อตั้งลำได้ก็บริการอาหารทันที มื้อนี้เสิร์ฟอาหารร้อนครับ เป็นอาหารสไตล์แขกครับ นั่นคือ Chicken Biryani ซึ่งทำมาจากข้าว Basmati ด้วย รสชาติเผ็ดร้อนแบบอาหารแขกเลย สุดท้ายก็ต้องขอน้ำส้มมาดื่มแก้เผ็ด
หลังจากที่อิ่มแล้วก็หลับทันทีครับ เพราะไฟลท์บินประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง มีเวลาพักผ่อนประมาณ 2 ชั่วโมง
จากนั้นก็ Landing สู่สนามบินโคลอมโบ และเข้าเทียบงวง
ไฟลท์นี้ดีเลย์ไปเบาะๆ ชั่วโมงครึ่ง ถึงโคลอมโบตีหนึ่งพอดี
จากนั้นก็ไปผ่าน ตม. และรับกระเป๋า
จากนั้นก็ออกไปแลกเงิน (เงินศรีลังกาคิดง่ายๆ ครับ 1 บาทเท่ากับประมาณ 4 รูปี เวลาเห็นราคาอะไรก็จับหารสี่ ก็จะได้ราคาเป็นเงินบาทออกมาครับ) แล้วก็ซื้อซิมการ์ดใส่โทรศัพท์สำหรับเล่นเน็ต ราคาซิม 800 รูปี (ประมาณ 200 บาท) เล่นเน็ตได้ 2 GB ประเทศนี้ค่าครองชีพค่อนข้างถูกครับ
แล้วผมก็หารถไปโรงแรมที่จองไว้ที่ Negombo (ผมจองโรงแรมที่นี่เพราะใกล้สนามบินกว่าการเข้าเมืองโคลอมโบ และโรงแรมก็ใกล้ท่ารถที่ผมจะนั่งไป Kandy ในตอนเช้า) โดยเนื่องจากมาถึงดึกมากแล้วทำให้ผมต้องใช้บริการแท็กซี่อย่างเดียว ราคาประมาณ 1200 รูปีหรือประมาณ 300 บาท (ต่อแล้วจาก 1500 รูปี) ซึ่งระยะทางไม่ไกลเลยประมาณ 5 กิโลเมตร นับว่าแพงครับ สำหรับราคานี้ แต่ก็ไม่ตีตัวเลือกอื่นแล้วจำเป็นต้องใช้บริการ
ถึงโรงแรมก็ไม่รอช้าครับ อาบน้ำแล้วนอนทันทีเตรียมเที่ยวต่อวันรุ่งขึ้น
และผมขอจบการรีวิวสำหรับเที่ยวบินนี้ไว้เพียงเท่านี้ครับ
2 thoughts on “[Review] Malindo Air – B737-900 จาก Bangkok ไป Colombo (via Kuala Lumpur)”