ยื่นวีซ่าออสเตรเลีย (ออนไลน์)…ไม่ยาก !!

     ออสเตรเลีย (Australia)…ประเทศในแถบโอเชียเนียที่มีวัฒนธรรมและความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันเป็นจุดหมายในอุดมคติของใครหลายๆ คน ที่หวังไว้ว่าจะเดินทางไปเยือนสักครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยอย่างเรา การได้ไปเยือนและท่องเที่ยวแดนจิงโจ้สักครั้งในชีวิตนั้นถือเป็นรางวัลและประสบการณ์ที่สุดแสนจะล้ำค่า แต่การที่บุคคลสัญชาติไทยที่ถือพาสปอร์ตไทยแบบปกติ (Ordinary Passport) จะเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวออสเตรเลียนั้นจำเป็นต้องขอและได้รับอนุมัติวีซ่าก่อนการเดินทางเสียก่อน (อุปสรรคการเที่ยวรอบโลกของคนไทยอย่างหนึ่งก็คือเรื่องวีซ่านี่แหละครับ 😀 ) ซึ่งในอดีตนั้นการขอวีซ่าออสเตรเลียของคนไทยนั้นถือเป็นเรื่องยุ่งยากและมีขั้นตอนซับซ้อน ทั้งในเรื่องเอกสารและกระบวนการต่างๆ

.

     แต่ในปัจจุบันการขอวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลีย (ประเภท 600 หรือ Subclass 600) สำหรับผู้ถือพาสปอร์ตไทยนั้นมีความสะดวกและขั้นตอนที่ทำให้เราขอได้ง่ายขึ้น และประเด็นสำคัญคือ “สามารถสมัครและยื่นเอกสารออนไลน์ได้แล้ว” ซึ่งใช้เวลาไม่นาน จากประสบการณ์ของผมนั้นนับตั้งแต่วันกรอกข้อมูลและยื่น (อัพโหลด) เอกสารผ่านออนไลน์เสร็จจนถึงวันที่อนุมัติวีซ่านั้นใช้เวลารวมทั้งสิ้น 7 วันเท่านั้น (รวมเสาร์อาทิตย์แล้วด้วย) แต่ก็ยังคงมีบางขั้นตอนที่ต้องเดินทางไปให้ข้อมูลกับทางตัวแทนสถานทูตออสเตรเลียในประเทศไทย (VFS Global) แต่ถึงกระนั้นก็ยังถือว่าค่อนข้างสะดวก เสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า และประหยัดเวลากว่าสมัยก่อนอยู่ดี เพื่อไม่ให้เสียเวลาผมขอเข้าเรื่องเลยละกัน 🙂 ซึ่งสามารถแบ่งขั้นตอนการยื่นวีซ่าออสเตรเลียออนไลน์ออกเป็น 4 ขั้นตอนใหญ่ๆ ดังนี้ครับ

1. จัดเตรียมเอกสารหลักฐานสำหรับยื่นวีซ่า

2. กรอกข้อมูลส่วนตัวสำหรับและอัพโหลดเอกสารออนไลน์

3. เดินทางไป VFS Global เพื่อเก็บข้อมูลลายนิ้วมือและถ่ายรูปหรือข้อมูลไบโอเมตริกซ์ (ขั้นตอนนี้แหละครับที่ผมบอกว่าต้องเดินทางไปให้ข้อมูล)

4. รอผลการพิจารณาวีซ่า

     ในแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดและกระบวนการต่างๆ ซึ่งจะผมขออธิบายแบบทีละขั้นทีละตอน โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ตรงของผมเองที่สมัครวีซ่าออสเตรเลียแบบออนไลน์ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2018 บวกกับก่อนหน้านั้นผมศึกษาข้อมูลล่วงหน้าจากกระทู้ของคุณ Artchwat ที่แสดงไว้ใน Pantip.com มาดูกันเลยครับว่าแต่ละขั้นตอนต้องทำอย่างไรบ้าง

ขั้นตอนที่หนึ่ง : จัดเตรียมเอกสารหลักฐานสำหรับยื่นวีซ่า

     ก่อนที่เราจะทำการยื่นวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลียแบบออนไลน์นั้น เราจะต้องเตรียมเอกสารและหลักฐานต่างๆ ก่อน ซึ่งมีทั้งเอกสารที่เราสามารถจัดทำได้เองและเอกสารที่ต้องขอกับทางธนาคารหรือต้องขอกับหน่วยงานราชการหรือต้องขอกับนายจ้างของเรา (กรณีเราเป็นพนักงานประจำ) ซึ่งผมอ้างอิงจากระเบียบการขอวีซ่าท่องเที่ยว (ประเภท 600) เดือนพฤษภาคม 2016 (ดูรายละเอียดได้โดยคลิกที่นี่ครับ) โดยเอกสารต่างๆ ที่จะต้องใช้อัพโหลดมีรายละเอียดดังนี้

  1. สำเนาหนังสือเดินทาง (Passport) หน้าที่มีข้อมูลและรูปของเรา โดยหนังสือเดินทางต้องมีอายุครอบคลุมการเดินทางและเหลืออายุอย่างน้อย 6 เดือนนับจากวันเดินทาง

  2. สำเนาประวัติการเดินทาง (พูดง่ายๆ คือ สำเนาหน้าพาสปอร์ตที่มีตราแสตมป์จาก ตม. ประเทศต่างๆ ที่เราเคยเดินทางไปทุกหน้านั่นแหละ)

  3. สำเนาพาสปอร์ตเล่มเก่าพร้อมหน้าที่มีประวัติการเดินทาง (ตราแสตมป์ ตม.) ทุกหน้า (ถ้ามี)

  4. รูปถ่ายขนาด 3.5 x 4.5 cm พื้นหลังสีขาว อายุไม่เกิน 6 เดือน

  5. สำเนาบัตรประชาชน (ไม่ต้องแปลก็ได้)

  6. สำเนาทะเบียนบ้าน (ไม่ต้องแปลก็ได้)

  7. แผนการเดินทางและการท่องเที่่ยวในแต่ละวัน โดยระบุรายละเอียดว่าเดินทางถึงวันไหน เดินทางกลับวันไหน แต่ละวันไปไหนบ้าง รวมทั้งระบุเที่ยวบินขาเข้าและขาออกที่เราวางแผนว่าจะใช้ โรงแรมที่คาดว่าจะเข้าพักกรณีจะพักโรงแรม ไม่ได้พักกับเพื่อนหรือญาติ พิมพ์เป็นตารางให้เข้าใจง่ายๆ

  8. หลักฐานแสดงทุนทรัพย์ส่วนตัวที่เพียงพอสำหรับการเดินทาง เช่น Statement บัญชีออมทรัพย์ (หรือบัญชีเงินเดือน) ที่มีความเคลื่อนไหวสมำเสมอย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน หรือ Statement บัญชีเงินฝากประจำ 6 เดือนย้อนหลัง หรือสำเนาแสดงการถือหลักทรัพย์หรือหุ้นหรือกองทุน เป็นต้น โดยแนะนำว่าเอกสารควรเป็นภาษาอังกฤษ

  9. หลักฐานการประกอบวิชาชีพ (อันนี้ผมมองว่าสำคัญมากครับ เพราะจะเป็นการยืนยันว่าเรามีภาระผูกพันที่ประเทศไทยจริงๆ และสนับสนุนตัวเราว่าเราไปแล้วกลับ ไม่หนีวีซ่า)

              – สำหรับพนักงานประจำ (มนุษย์เงินเดือน) อย่างผมก็ใช้ หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทนายจ้างเราที่ระบุตำแหน่ง เงินเดือน วันที่เริ่มงาน ระยะเวลาที่อนุญาตให้ลา และประเทศที่จะไป

              – สำหรับเจ้าของกิจการหรือทำธุรกิจส่วนตัวก็ใช้หลักฐานการเป็นเจ้าของกิจการ เช่น ทะเบียนการค้า ทะเบียนหุ้น หนังสือรับรองบริษัท

  10. เอกสารอื่นๆ ที่จำเป็นและต้องการใช้สนับสนุนข้อมูลของเรา เช่น หลักฐานแสดงความสัมพันธ์กรณีที่เดินทางเป็นกลุ่มหลายคนกับญาติหรือไปเยี่ยมญาติที่อาศัยอยู่ออสเตรเลีย หลักฐานแสดงการสนับสนุนทางการเงิน (Sponsorship) และสถานภาพทางการเงินของผู้ให้การสนับสนุนกรณีที่มีผู้ออกเงินให้เราเดินทางไปเที่ยว หนังสือยินยอมจากเจ้าบ้านกรณีที่เราไปขอพักกับเพื่อนหรือญาติที่นั่น เป็นต้น

     เอกสารทุกอย่างที่เรามีนั้นให้สแกนและ Save เป็นไฟล์ PDF เอาไว้แยกเป็นไฟล์ๆ และตั้งชื่อไฟล์ให้เข้าใจง่ายและสื่อถึงเอกสารนั้นๆ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเอกสาร ผมแนะนำว่าให้ลองไปศึกษาจากระเบียบการขอวีซ่าท่องเที่ยว (ประเภท 600) ที่ผมให้ลิ้งค์ไว้ข้างต้น เพราะในนั้นบอกรายละเอียดไว้หมด ลองเอาไปดูครับว่าตัวเราเองต้องใช้เอกสารประมาณไหนถึงจะเหมาะสม

หมายเหตุ

  • เอกสารข้อ 1, 2, 5 และ 6 นั้นให้เขียนรับรองสำเนาถูกต้อง (Certified True Copy) พร้อมเซนต์ชื่อกำกับให้เรียบร้อย
  • เรื่องเอกสารผมอยากให้เช็คให้ดีและเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด (วีซ่าจะผ่านหรือไม่นั้น เอกสารหลักฐานมีผลอย่างมาก) เพราะแต่ละคนนั้นอาจจะใช้เอกสารในรูปแบบที่ต่างกัน ด้วยต่างอาชีพกันหรือมีแหล่งทุนทรัพย์ที่ไม่เหมือนกัน ก็ใช้เอกสารก็ต่างกันด้วย นวคิดสำคัญที่ผมอยากให้นึกถึงตอนเตรียมเอกสารคือการยืนยันว่าเรามีตัวตนจริง มีทุนทรัพย์เพียงพอสำหรับเดินทางและท่องเที่ยวในระยะเวลาที่เราต้องการไป มีภาระผูกพันที่ประเทศเกิดจริงและไม่มีความตั้งใจหรือส่อเค้าที่จะหนีวีซ่าหรือใช้วีซ่าผิดประเภท เอกสารจะเป็นสิ่งที่ตอบคำถามเหล่านี้ต่อเจ้าหน้าที่สถานทูตแทนเรา
  • หากสังเกตให้ดีจะพบว่าเอกสารที่สถานทูตขอนั้นไม่ได้รวมถึง เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินและเอกสารการจองโรงแรม รวมถึงไม่ถามหาประกันการเดินทาง (จุดนี้ที่ต่างจากวีซ่า Schengen) ดังนั้นหากวีซ่ายังไม่ได้รับอนุมัติจึงยังไม่ควรจองเครื่องบินและโรงแรมครับ (เว้นเสียแต่ว่ามั่นใจว่าผ่านชัวร์ หรือเห็นราคาน่าสนจะสอยไว้ก่อนก็อยู่ที่ดุลยพินิจของแต่ละคนครับ)

ขั้นตอนที่สอง : กรอกข้อมูลวีซ่าและอัพโหลดเอกสารออนไลน์

     หลังจากที่เราเตรียมเอกสารและหลักฐานต่างๆ พร้อมแล้วก็มาถึงขั้นตอนที่เราจะต้องไปสมัครวีซ่าและให้ข้อมูลส่วนตัวของเรากับทางสถานทูตผ่านทางระบบออนไลน์ โดยขั้นตอนนี้ผมขอแบ่งเป็น 2 ลำดับย่อยๆ คือ สมัครสมาชิกกับทางหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของออสเตรเลีย และกรอกข้อมูลส่วนตัวสำหรับให้ทางหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของออสเตรเลียพิจารณาวีซ่าและอัพโหลดเอกสาร ซึ่งผมขออธิบายเป็นขั้นเป็นตอนแบบละเอียดตามนี้ครับ

การสมัครสมาชิกกับทางหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของออสเตรเลีย (Immi Account)

  1. เข้าไปที่เว็บ https://online.immi.gov.au/lusc/register เพื่อสมัครสมาชิก โดยกรอกข้อมูลดังนี้

    1-1
  2. ตั้งรหัสผ่านและตั้งคำถามลับส่วนตัว

    2
  3. กลับไปเช็คอีเมล์ของเราตามเมล์ที่ให้ไว้ และคลิกลิงค์ในอีเมล์เพื่อเป็นการยืนยันอีเมล์เรา เมื่อคลิกแล้วจะมีหน้าจอยืนยันเด้งขึ้นมา

    3-1

         เมื่อคลิกแล้วจะมีหน้าจอยืนยันเด้งขึ้นมา แสดงว่าอีเมล์เราได้รับการ Activate แล้ว ให้ปิดหน้าจอนี้ได้

    4

     

  4. กลับมาที่หน้าจอที่เราทำค้างไว้หลังจากคลิก Submit ในขั้นตอนที่ 2 เมื่อยืนยันอีเมล์แล้วให้เราคลิกที่ Continue ได้เลย เป็นอันเสร็จสอ้นการสมัครสมาชิกครับ

    3

     

กรอกข้อมูลส่วนตัวสำหรับและอัพโหลดเอกสาร

  1.  หลังจากที่คลิก Continue ในขั้นตอนที่ 4 ของการสมัครสมาชิกแล้ว ระบบจะพาเราไปหน้าจากเริ่มกรอกข้อมูล (หรือหากปิดหน้านั้นไปแล้ว อาจจะมาหน้านี้ได้โดยการเข้าไปที่ลิงค์ https://online.immi.gov.au/lusc/login แล้วกรอก Username และ Password ก็ได้) ให้เราเลือก New Application

    5

     

  2. เลือกประเภทวีซ่าแบบ Visitor แบบ Visitor Visa (600) แล้วคลิก Continue

    6

     

  3. หน้านี้จะมีเงือนไขและข้อกำหนดต่างๆ ให้อ่าน หากอ่านแล้วให้ติ๊กถูกรับทราบและคลิก Next เพื่อไปหน้าต่อไป

    7

     

  4. หน้านี้จะถามเกี่ยวกับข้อมูลวัตถุประสงค์การเดินทางของเรา (รายละเอียดแต่ละคนไม่เหมือนกัน อ่านก่อนติ๊กหรือใส่ข้อมูลด้วยนะครับ ตัวอย่างที่ผมเอามาให้ดูนั้นเป็นแบบสำหรับเดินทางท่องเที่ยวแบบยื่นคนเดียวหรือยื่นทีละคน)

    8

     

  5. ขั้นตอนนี้จะให้เราใส่ข้อมูลส่วนตัวและสถานะพลเมือง

    9

    วิธีกรอกข้อมูลบัตรประชาชนไทย

    9-sub

     

  6. หน้านี้จะให้เราตรวจสอบข้อมูลที่เรากรอกไปอีกครั้ง หากถูกต้องแล้วให้ติ๊ก Yes และไปต่อขั้นตอนถัดไป

     

    10

     

  7. หน้านี้ถามประวัติการเดินทางไปออสเตรเลียและประวัติการยื่นวีซ่าออสเตรเลีย

     

    11

     

  8. หน้านี้เกี่ยวกับว่าเรามีคนเดินทางรวมไปกับเราหรือไม่ (ตรงนี้ผมแนะนำว่าถ้าไปหลายคนเป็นกลุ่มเพื่อน ให้เลือก No แล้วแยกยื่นวีซ่าดีกว่า เว้นเสียแต่ไปกันหลายคนแบบเครือญาติ พ่อแม่ลูก ค่อยเลือก Yes แล้วกรอกข้อมูลแสดงความสัมพันธ์)

     

    12

     

  9. ขั้นตอนนี้เราจะต้องให้ข้อมูลที่อยู่อาศัยและถิ่นพำนักปัจจุบันของเราในประเทศไทย

    13

     

  10. หน้านี้ถามเกี่่ยวกับการมอบอำนาจและช่องทางรับข้อมูลของเรา

    14

     

  11. หน้านี้จะถามเราเกี่ยวกับว่าเรามีญาติที่ประเทศไทยที่ไม่ได้เดินทางไปออสเตรเลียกับเราด้วยในครั้งนี้หรือไม่ เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง เป็นต้น หากมีให้เราเลือก Yes แล้วก็คลิก Add เพื่อกรอกข้อมูลรายละเอียดแต่ละคน (ทีละคน) หากไม่มีก็เลือก No ครับ

    15

    วิธีกรอกข้อมูลญาติหลังจากคลิก Add แล้ว

    15-sub

     

  12. ต่อมาเราจะต้องกรอกข้อมูลการเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียและระยะเวลาที่พำนัก ในข้อแรกที่ถามว่าจะไปออสเตรเลียมากกว่าหนึ่งครั้งหรือไม่ ไม่มีผลว่าจะได้วีซ่าแบบ Single หรือ Multiple หรือไม่ เพราะผมติ๊กไปว่า No เนื่องจากไม่ได้คิดจะไปหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ได้วีซ่า Multiple 3 ปีมา ทั้งที่ไม่เคยได้วีซ่าออสเตรเลียมาก่อนในชีวิต เข้าใจว่าทางสถานทูตคงมององค์ประกอบอื่นประกอบด้วย เช่น ประวัติการเดินทาง สถานะทางอาชีพ เป็นต้น

    16

     

  13. หน้านี้จะถามเราเกี่ยวกับอาชีพและการทำงานของเรา แต่ละคนจะมีรายละเอียดต่างกันไป อย่างของผมเป็นมนุษย์เงินเดือน หน้าตาการกรอกจึงเป็นอย่างที่เห็น คนที่มีอาชีพอย่างอื่น เช่น นักธุรกิจ หรือ กิจการส่วนตัว อาจจะมีหน้าตาการกรอกที่ต่างกันด้วย

    17

     

  14. ถัดมาเราจะโดนถามเกี่ยวกับแหล่งเงินที่เราจะใช้ในการเดินทางไปเที่ยวออสเตรเลีย ให้เราระบุตามจริงและชี้แจงรายละเอียดด้วย ยกตัวอย่างของผมนั้นใช้เงินตัวเองก็เลือก Self Funded แล้วก็ให้รายละเอียดไปว่ามีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำอะไรบ้าง หรือมีหลักทรัพย์อื่นๆ เช่นหุ้น กองทุนอะไรบ้าง แล้วทิ้งท้ายไว้ว่ารายละเอียดตามเอกสารแนบ ตรงนี้หากใครมีสปอนเชอร์ออกเงินให้ ก็ต้องมีหนังสือรับรองและ Statement ของสปอนเซอร์เรามาแสดงด้วยครับ ขอให้เช็คให้ดีก่อนจะให้ข้อมูลส่วนนี้

    18

     

  15. หน้านี้จะสอบถามเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ โรคติดต่อ การตั้งครรถ์ และข้อมูลการรักษาตัวของเรา ขอให้ดูให้ดีและตอบตามความจริง

    19

     

  16. ต่อมาเป็นคำถามเกี่ยวกับข้อมูลและประวัติอาชญากรรมของเรา

    20

     

  17. ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เราต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติวีซ่าของเรา

    21

     

  18. หน้านี้จะถามเราอีกครั้งว่าเราเข้าใจกฏเกณฑ์ ระเบียบ และข้อกำหนดต่างๆ ของการยื่นวีซ่าออสเตรเลียดีแล้วหรือไม่ เช่น เข้าใจแล้วนะว่าการใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จและชี้นำไปในทางที่ทำให้เข้าใจผิดนั้นมีบทลงโทษและมีผลต่อการพิจารณาวีซ่าครั้งนี้และอนาคตด้วย ดังนั้นข้อมูลที่ให้ไปทุกขั้นตอนต้องเป็นความจริงนะครับ เพราะหากโดนจับได้ทีหลังอันนั้นเรื่องยาวแน่ๆ และอาจจะไม่ได้มีผลกับวีซ่าออสเตรเลียเท่านั้น อาจจะมีผลกับวีซ่าประเทศอื่นๆ หรือการเข้าประเทศอื่นๆ ในอนาคตด้วย

    22
  19. หน้านี้จะให้เราตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมดที่เรากรอกมาในตั้งแต่แรก ขอให้เช็คให้ดีๆ นะครับ หากพบจุดที่ต้องแก้ก็สามารถคลิกเข้าไปแก้ได้เลย

    23......png

     

  20. จากนั้นระบบจะพาเรามาอัพโหลดเอกสารทั้งหมดที่เราเตรียมไว้ตั้งแต่แรก ให้เราไล่อัพโหลดทีละประเภท โดยเอกสารแต่ละประเภทสามารถอัพโหลดได้มากกว่า 1 ไฟล์ เช่น เอกสารทางการเงิน ถ้าเรามีมากกว่า 1 บัญชี เราก็สามารถอัพโหลดทุกบัญชีที่เราอยากแสดงได้ เป็นต้น แต่เอกสารรวมทุกประเภทต้องไม่เกิน 60 ไฟล์ (ผมว่าคงไม่มีใครมีเอกสารมากขนาดนั้นหรอกครับ 🙂 )

    24

    วิธีการอัพโหลดเอกสารครับ

    24-sub

     

  21. เมื่ออัพโหลดเอกสารแล้วจะมีหน้าจอขึ้นมาให้เรากด Submit  Now เพื่อส่งข้อมูลทั้งหมดเข้าระบบ

    25.png

     

  22. จากนั้นระบบจะพาเรามาที่หน้าจอจ่ายเงิน ซึ่งค่าวีซ่าท่องเที่ยวประเภท 600 นั้นอยู่ที่ 140 AUD (ประมาณ 3,600 บาท) และหากจ่ายด้วยบัตรเครดิตจะมีค่าธรรมเนียมบัตรอีก 1.37 AUD (ประมาณ 35 บาท)

    26

     

  23. เมื่อชำระแล้วจะมีให้เราคลิกดูใบเสร็จ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วให้คลิก Next ก็เป็นอันจบกระบวนการสมัคร

    27

     

  24. จากนั้นให้เรากลับไปเช็คอีเมล์ของเราอีกครั้ง จะมีเมล์ส่งมาให้เรา 2 ฉบับ ฉบับแรกแจ้งว่าเขาได้รับรายละเอียดการสมัครที่เรายื่นไปแล้ว ส่วนอีกฉบับจะเป็นเมล์แจ้งว่ามีการขอข้อมูลเพิ่มเติม (ให้เราไปเก็บลายนิ้วมือและถ่ายรูปที่ VFS Global) ดังตัวอย่างด้านล่างนี้

        

    Mail after payment made

          ในเมล์ที่ชื่อว่า “IMMI s257A (s40) Requirement to Provide PIDs” นั้นจะมีไฟล์ PDF แนบมา 1 ไฟล์ ซึ่งเป็นไฟล์ที่ระบุข้อมูลของเราสำหรับไปยื่นให้สำนักงาน VFS Global ดูประกอบการเก็บลายนิ้วมือและถ่ายรูป ดังนั้นให้ Save ไฟล์นี้เก็บไว้และพิมพ์ออกมาด้วย เอาไว้เวลาเราไปเก็บลายนิ้วมือและถ่ายรูปที่ VFS Global ในขั้นตอนถัดไป

     

     และเมื่อเรากลับไปดูที่ระบบยื่นวีซ่าจะบบว่าสถานะการสมัครจะขึ้นว่า Information requested และมีบรรทัดที่ระบุว่า Organise biometics collection

    28.png

    *** หมายเหตุ : บางคนหลังจากที่จ่ายเงินเสร็จใหม่ๆ แล้วระบบพามาที่หน้าจอนี้ อาจจะยังไม่เจอว่ามีการระบุ Information requested และยังไม่มีบรรทัด Organise biometric collection ทันทีและยังไม่มีอีเมล์แจ้งให้เราไปเก็บลายนิ้วมือและถ่ายรูปส่งไป (มีแค่อีเมล์ยืนยันว่าเราสมัครแล้วส่งไปเท่านั้น) โดยจะมีข้อความขึ้นมาแค่ว่า Application received แสดงขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะว่าระบบกำลังประมวลผลอยู่ ให้รอสักประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงแล้วลองล็อกอินเข้ามาใหม่ ก็จะพบว่ามีข้อความ Information requested ขึ้นมาและมีอีเมล์แจ้งให้เราไปเก็บลายนิ้วมือและถ่ายรูปส่งมา

     

         ถึงตรงนี้แสดงว่าเราเสร็จสิ้นกระบวนการยื่นสมัคร กรอกข้อมูล และอัพโหลดเอกสารแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือเราต้องเดินทางไปเก็บข้่อมูลลายนิ้วมือและถ่ายรูปตามกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองของออสเตรเลีย

ขั้นตอนที่สาม : เดินทางไป VFS Global เพื่อเก็บข้อมูลลายนิ้วมือและถ่ายรูปหรือข้อมูลไบโอเมตริกซ์

     ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2016 เป็นต้นไป ทางหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของออสเตรเลียได้ออกระเบียบใหม่ให้ผู้ที่ยื่นขอวีซ่าออสเตรเลียทุกคนจะต้องให้ข้อมูลไบโอเมตริกซ์ ก่อนที่จะมีการพิจารณาอนุมัติวีซ่า ซึ่งขั้นตอนนี้นั้นเราจำเป็นจะต้องเดินทางไปเก็บข้อมูลลายนิ้วมือและถ่ายรูปที่สำนักงานตัวแทนสถานทูตออสเตรเลียที่ใกล้เราที่สุด ซึ่งสำหรับประเทศไทยคือ VFS Global โดยที่ประเทศไทยมีอยู่ 2 ที่คือกรุงเทพและเชียงใหม่ และตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2016 นั้นการที่เราจะไปเก็บข้อมูลกับ VFS นั้น เราจำเป็นจะต้องทำการนัดหมายออนไลน์ก่อนเท่านั้น ซึ่งขั้นตอนการนัดหมายนั้นก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร และคิวว่างก็ไม่ได้แน่นจนนัดยากอย่างที่คิด สามารถทำตามลำดับตามนี้ได้เลยครับ

  1. เข้าไปที่เว็บของ VFS Global ตามด้านล่างนี้เพื่อทำการสมัครสมาชิก

    https://online.vfsglobal.com/GlobalAppointment/Account/RegisterUser?Length=7

    **ข้อมูลทุกส่วนต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษ และแนะนำว่าควรใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดครับ**

    1

     

  2. จากนั้นให้กลับไปเช็คอีเมล์ของเรา จะมีอีเมล์จากระบบส่งไปให้เรายืนยันอีเมล์ของเรา ให้เราคลิกที่ Activate Account

    2

     

  3.  เมื่อกด Activate Account แล้วระบบจะพามาที่หน้าจอล็อกอิน (สังเกตว่าจะมีข้อความขึ้นมาว่า Your account is already activated แสดงว่าอีเมล์เราใช้งานกับระบบนี้ได้เแล้ว)

    3

     

  4. คลิกที่ Schedule Appointment เพื่อเริ่มทำการนัดหมาย

    4.png

     

  5. ระบุข้อมูลประเทศที่จะไป ประเทศต้นทาง (เพราะ VFS มีให้บริการในหลายประเทศและรับบริการวีซ่าให้หลายประเทศด้วย เราจึงต้องระบุ) สำนักงาน VFS ที่เราสะดวก และเลือก Biometrics collection

    5.png

     

  6.  คลิก Add Applicant เพื่อเพิ่มผู้นัดหมายเข้าระบบ

    6.png

     

  7.  เมื่อกด Add Applicant และให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัวของเรา

    7-1.png
  8. เมื่อบันทึกข้อมูลเราแล้วให้เราตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง หากถูกต้องแล้วให้คลิก Continue (หากต้องการแก้ไขให้คลิก Edit เข้าไปแก้ไขได้)

    8.png

     

  9. จากนั้นหน้าจอจะพาเรามาเลือกวันที่เราสะดวกไปสำนักงาน VFS โดยสีเขียวคือวันที่ว่าง ให้เราคลิกเลือกวันที่ที่เราต้องการจากปฏิทินที่แสดงได้เลย

    9-1

     

  10. เมื่อเลือกวันได้แล้วจะมีตารางเวลาให้เราเลือกทางด้านขวา ให้ติ๊กเลือกเวลาที่เราสะดวกได้เลย (เลือกได้แค่ 1 ช่วงเวลาเท่านั้น คำนวณเวลาที่เดินทางไปที่ VFS ให้ดีก่อนเลือกนะครับ)

    9-2-1

     

  11. จากนั้นระบบจะแสดงข้อมูลชื่อและเวลาที่เรานัดหมายให้เราตรวจสอบอีกครั้ง

    10.png

     

  12. จากนั้นให้กลับไปเช็คอีเมล์อีกครั้ง จะพบว่ามีเมล์ที่มีชื่อว่า Appointment Confirmation ส่งมา ด้านในจะมีไฟล์แนบ 1 ไฟล์ ให้เรา Save เก็บไว้และพิมพ์ออกมา เพราะต้องใช้คู่กับไฟล์ที่ส่งมากับอีเมล์ที่แจ้งให้เราไปเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์ในตอนที่เราเสร็จสิ้นการกรอกข้อมูลออนไลน์และอัพโหลดเอกสารแล้ว ตอนไปเก็บลายนิ้วมือและถ่ายรูปที่สำนักงาน VFS  Global นั้นใช้เอกสารสองฉบับนี้คู่กับพาสปอร์ตตัวจริงของเรา (และเงินสด 851 บาท) ยื่นให้เจ้าหน้าที่

    11-1.png

     

  13. เมื่อถึงวันนัดหมายแล้วก็ให้เราเดินทางไปที่สำนักงาน VFS Global ที่เราเลือกไว้ (กรุงเทพหรือเชียงใหม่) ตามเวลาที่เราทำนัดไว้ โดยผมเองนั้นเลือกที่กรุงเทพไว้เพราะสะดวกที่สุด สำนักงาน VFS Global กรุงเทพนั้นอยู่ที่ตึกเดอะเทรนดี้ (The Trendy office building) ซ.สุขุมวิท 13 การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือลงรถไฟฟ้า BTS สถานีนานา แล้วออกทางออก 3 จากนั้นเดินต่อสักประมาณ 50 เมตรก็จะเจอซอยสุขุมวิท 13 เดินเข้าซอยไม่เกิน 50 เมตรก็ถึงตึกเทรนดี้ (จริงๆ ตึกนี้ใหญ่มาก เห็นตั้งแต่ปากซอยแล้วครับ 🙂 )

    o6avlqc35qpal0ninfh-o

     

         ส่วนอันนี้เป็นแผนที่ของสำนักงาน VFS Global ที่เชียงใหม่ เผื่อไว้สำหรับใครที่สะดวกไปเชียงใหม่มากกว่าครับ

    o6bc3wzogdnw1zwuc7d-o

     

  14. เมื่อมาถึงและเข้าไปในตึกแล้วแล้วก็ ให้มองหาเคาน์เตอร์ของ VFS Global ที่ให้บริการออสเตรเลีย (VFS Global เป็นบริษัทให้บริการเก็บข้อมูลวีซ่ากับหลายประเทศ ให้เราไปเคาน์เตอร์ของออสเตรเลียเท่านั้น โดยเคาน์เตอร์นี้หาไม่ยาก ผมไปเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 เดินเข้าตึกไปอยู่ทางด้านหน้าเฉียงไปทางซ้ายเล็กน้อยก็เห็นแล้ว)

    12.jpg

     

  15.  เมื่อไปถึงเคาน์เตอร์แล้วก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเจ้าหน้าที่จะประทับตราที่เอกสารเรา จากนั้นจะบอกให้เราไปลิฟท์เบอร์ 10 เพื่อขึ้นไปชั้น 28 (ต้องใช้ลิฟท์เบอร์ 10 เท่านั้น ลิฟท์อื่นไปชั้น 28 ไม่ได้) เมื่อขึ้นไปแล้วเจ้าหน้าที่จะถามเราว่าไปยื่นของออสเตรเลียหรืออังกฤษ เมื่อบอกว่าออสเตรเลียเจ้าหน้าที่ชี้ไปว่าไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ไหน ให้เรายื่นเอกสารสองฉบับที่เราพิมพ์ไว้พร้อมพาสปอร์ตตัวจริงให้ แล้วเขาจะให้บัตรคิวมา จากนั้นให้เราเข้าไปรอด้านในรอเรียกคิว เมื่อถึงคิวเจ้าหน้าที่เรียกเราไปชำระเงิน 851 บาทก่อน (รับเฉพาะเงินสด) แล้วค่อยไปนั่งรอเก็บลายนิ้วมือและถ่ายรูป รวมเวลาตั้งแต่มาถึงอาคารเดอะเทรนดี้จนเสร็จสิ้นทุกอย่างใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที

  16. เมื่อดำเนินการเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์แล้ว ให้เราล็อกอินเข้าไปที่เว็บที่เรากรอกข้อมูลออนไลน์อีกครั้ง (https://online.immi.gov.au/lusc/login) จากนั้นให้เราไปคลิกที่ Information provided เพื่อยืนยันว่าเราไปดำเนินการตามที่ร้องขอเรียบร้อยแล้ว

    28.png
  17. เมื่อคลิกที่ Information provided แล้ว สถานะการสมัครเราจะเปลี่ยนเป็น Assessment in progress แสดงว่าทางสถานทูตกำลังพิจารณาวีซ่าให้เราอยู่ ถึงตรงนี้เราก็ต้องตั้งหน้า รอ…ร๊อ…รอ อย่างเดียว 😛 บางคนอาจจะเจ้าหน้าที่โทรมาสัมภาษณ์ด้วยก็ได้ (แต่สำหรับผมไม่มีมาครับ)

      ***เพิ่มเติมครับ***

ณ วันที่ 19 มิ.ย. 2018 มีคนมาอัพเดตทางผมว่าปุ่มนี้ถูกย้ายเข้าไปที่ส่วน Attach documents หลังจากที่ไปเก็บลายนิ้วมือและถ่ายรูปแล้ว ให้เข้ามาคลิกที่ Attach Documents แล้วเลื่อนลงมาล่างสุดจะมีปุ่ม I confirm I have provided information as requested ให้กดที่ปุ่มนี้เพื่อยืนยันว่าเราจัดการเก็บลายนิ้วมือเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ทางนั้นดำเนินการพิจารณาวีซ่าให้เราต่อไปครับ แต่รายละเอียดส่วนนี้เปลี่ยนแปลงค่อนข้างบ่อย เดี๋ยวก็ต้องกด เดี๋ยวก็ไม่ต้องกด ยังไงก็ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ตอนไปเก็บลายนิ้วเพื่อความชัวร์จะดีที่สุดครับ 

ขั้นตอนที่สี่ : รอผลการพิจารณาวีซ่า

     หลังจากที่เราทำตามขั้นตอนทั้งหมดแล้วตั้งแต่กรอกข้อมูลออนไลน์จนถึงไปเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์ ต่อมาเราก็ต้องรอการพิจารณาวีซ่าโดยทางหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองหรือสถานทูตออสเตรเลีย ซึ่งโดยปกติใช้เวลาประมาณ 19 – 34 วันทำการ (ตามที่แจ้งไว้ในหน้าเว็บ)นระหว่างรอผมแนะนำว่าหมั่นเช็คอีเมล์ของเราด้วยครับ สักวันละครั้งก็ยังดี เผื่อมีข่าวดีหรือมีการขอข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งสำหรับของผมนั้นเร็วเกินคาด (มาก…กกก) เพราะหลังจากที่ไปเก็บลายนิ้วมือและถ่ายรูปได้เพียงวันเดียว (จริงๆ ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงดีด้วยซ้ำ) ก็มีอีเมล์หัวข้อว่า “Immi Grant Notification” ส่งมาบอกว่าว่าวีซ่าอนุมัติแล้ว และเมื่อเปิดดูก็รู้สึก Feel Good มากๆ เพราะวีซ่าที่ได้มานั้นเป็นแบบ Multiple อายุ 3 ปี เลยทีเดียว

     * แต่ละคนอาจจะใช้เวลาและได้รับการอนุมัติที่ต่างกันขึ้นอยู่กับความครบถ้วนของเอกสารและปัจจัยอื่นๆ ด้วยประกอบกัน ซึ่งหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองหรือสถานทูตของออสเตรเลียเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดในการพิจารณาให้เรา ดังนั้นเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องประมาณเวลายื่นล่วงหน้าให้ดี เพื่อไม่ให้กระทบแผนการเดินทางของเรา และหากเจ้าหน้าที่ใช้เวลาพิจารณาวีซ่าเรานานกว่าคนอื่นๆ แต่ยังไม่เลยกรอบเวลาที่กำหนด ก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด เพราะถือว่าแจ้งไว้ให้ผู้สมัครทราบแล้ว**

 

     ตัวอย่างอีเมล์ที่แจ้งว่าวีซ่าเราได้รับการอนุมัติแล้ว

Mail-1

     ตัวอย่างข้อมูลในไฟล์แนบที่ส่งมาพร้อมอีเมล์แจ้งการอนุมัติวีซ่า หากเลื่อนไปดูหน้าที่ 3 (ไฟล์นี้มี 8 หน้า) จะเห็นว่าวีซ่าเราเป็นแบบไหน (Single หรือ Multiple) และมีอายุเท่าไหร่ (ดูจาก Visa grant date และ Must not arrive after) ให้เราพิมพ์ไฟล์นี้เก็บไว้ได้เลย เอาไว้แสดงตอนเช็คอินที่สนามบินหรือแสดงตอนไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองปลายทางครับ

3visas grant

     ถึงตรงนี้เป็นอันแสดงว่าเราสามารถเข้าไปท่องเที่ยวที่ประเทศออสเตรเลียได้อย่างถูกกฏหมายแล้ว ขั้นต่อไปคือการจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมรวมถึงเตรียมตัวจัดกระเป๋าไปเที่ยว อันนี้ก็สุดแล้วแต่ความประสงค์ของแต่ละคนครับ จะเห็นครับว่าการยื่นวีซ่าออสเตรเลียแบบออนไลน์นั้นสะดวกและไม่ยากอย่างที่คิดหากเตรียมข้อมูลและเอกสารให้ครบถ้วนก่อนยื่น จากนั้นก็เพียงไปเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์แล้วก็รอพิจารณาวีซ่าเท่านั้น ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการยื่นวีซ่าที่น่าสนใจอีกทางหนึ่งสำหรับคนที่สนใจไปท่องเที่ยวประเทศออสเตรเลีย…แดนจิงโจ้ครับ

.

หมายเหตุ :

  1. รีวิวที่ผมทำขึ้นมานี้เป็นเพียงการแนะนำขั้นตอนการยื่นวีซ่าออสเตรเลีย (ออนไลน์) เท่านั้น ไม่ได้การันตีว่าคนที่ยื่นตามนี้ทั้งหมดจะได้รับอนุมัติวีซ่า เพราะแต่ละคนมีประวัติและคุณสมบัติเฉพาะบุคคลต่างกันไป การพิจารณาอนุมัติวีซ่านั้นสถานทูตเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดในการตัดสิน
  2. เนื่องจากคุณสมบัติของผู้สมัครแต่ละคนแตกต่างกันไป บางคนอาจจะได้รับการสอบถามหรือเรียกเอกสารเพิ่มเติมนอกเหนือจากทางที่ผมระบุไว้ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของหน่วยงานที่พิจารณาเอกสารและวีซ่าเป็นผู้กำหนด
  3. ข้อมูลต่างๆ ในรีวิวนี้จัดทำขึ้นโดยอ้างอิงข้อมูล ณ ช่วงเวลาที่ผมยื่นวีซ่า (เดือนพฤษภาคม 2016) เงื่อนไขและกระบวนการต่างๆ นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขอให้ทุกคนศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนยื่นวีซ่าทุกครั้ง
  4. หากมีคำถามสามารถโพสถามได้ที่ช่อง Comment ครับ ทางผมยินดีตอบคำถามทุกอย่างเกี่ยวกับขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าหากผมสามารถตอบได้ ส่วนคำถามที่นอกเหนือจากนี้ เช่นหลักเกณฑ์หรือระยะเวลาการพิจารณาวีซ่า ความถูกต้องของการกรอกข้อมูลและการเตรียมเอกสาร เหตุผลในการถูกปฏิเสธวีซ่า รวมถึงคำถามที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติเฉพาะตัวบุคคล ทางผมไม่สามารถให้คำตอบได้ครับ
  5. หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามทาง VFS ได้โดยตรง ตามข้อมูลการติดต่อจากเว็บไซต์ของ VFS
  6. ผมเพียงรีวิววิธีการยื่นขอวีซ่าออสเตรเลีย (ออนไลน์) เท่านั้น ไม่รับจ้างทำเอกสาร กรอกข้อมูล รับทำวีซ่า หรือกระทำการใดๆ เพื่อหารายได้ทั้งสิ้น
  7. หากรีวิวนี้มีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนหรือตกหล่นไป ทางผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

SHIPY SIWARIT TIASUWATTISETH : เขียน

HTTPS://WWW.FACEBOOK.COM/SHIPYSHIPDOTCOM

288 thoughts on “ยื่นวีซ่าออสเตรเลีย (ออนไลน์)…ไม่ยาก !!

  1. อยากจะบอกว่า เป็นโพสที่รายละเอียดดีมากๆ เข้าใจแบบทุกๆขั้นตอนเลยคะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ

    Liked by 1 person

  2. ขอบคุณมากเลยนะคะ ได้ประโยน์มากจริงๆค่ะ โดยเฉพาะคนที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ

    Liked by 1 person

    1. ขอบพระคุณมากนะคะ คำแนะนำและขั้นตอนละเอียดมาก เข้าใจง่ายค่ะ

      Liked by 1 person

  3. ขอบคุณมากๆนะคะ ดีงามที่สุดคะ เป็นวิทยาทานให้คนอื่นๆด้วยพราะละเอียดและได้ประโยชน์ด้วยคะ ทีแรกว่าจะจ้างแต่ก็แอบสียดายงินคะ ยังงัยจะลองทำดูคะ

    Liked by 1 person

  4. ขอบคุณมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    Like

  5. ขอบคุณมากๆนะคะ gxHo;bmpkmkomujfuot8t และขอความกรุณาแนะนำเพิ่มเติม กรณีที่ เดินทางร่วมกัน 3 คน คือ สามีอายุ 75 ภรรยา อายุ 72 และหลานชายอายุ 12ปี ทราบว่าจะมีส่วนที่เราจะแจ้งได้ว่าทั้ง 3รายเดินทางพร้อมกัน เพื่อสะดวกในการอนุมัติ/ อ้างอิงข้อมูลต่างๆ/กรณีอายุ 75 ปีต้องตรวจร่างกาย เดิมทั้ง 3 คนเดินทางร่วมกัน แต่ยื่นเอกสารที่ VFS ทุกครั้ง แต่ครั้งต่อไป คืดว่าจะลองขอonlineค่ะ

    Like

  6. ขอบคุณมากค่ะ เป็นวิทยาทานได้ดีมาก โดยเฉพาะคนอายุมากที่ต้องทำเอง ขอเรียนถามเพิ่มเติมดังนี้ ต้องการเดินทางร่วมกัน 3 คน ชาย 75 หญิง 72 หลาน 12 ต้องการแจ้ง เจ้าหน้าที่ว่าเราเดินทางร่วมกันเพื่อสะดวกในการพิจารณาอนุมัติ อีกทั้งต้องตรวจร่างกาย มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้างคะ เดิมเคยเดินทางร่วมกัน แต่ใช้วิธียื่นเอกสารที่ VFS แต่ครั้งหลังสุดช้ามาก และเห็นว่าการทำOnlineอาจเร็วและสะดวก ขอบคุณมากค่ะ

    Like

  7. Vfs เข้าไปเป็นสมาชิก ก็ยาก ไม่ง่ายกับการเข้าไปทำนัดหมาย

    Like

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.