ทริปนี้ผมมีภารกิจต้องไปทำงานที่อินเดียช่วงสงกรานต์ครับ โดยผมเลือกใช้การบินไทย (Thai Airways) เจ้าประจำซึ่งให้บริการไปยังประเทศอินเดียหลายจุดหมายปลายทาง แต่ทริปยี้ผมต้องไปลงที่มหานครมุมไบ (Mumbai) เพราะผมสะดวกที่จะต้องต่อเครื่องจากที่นี่ไปเมืองอื่นๆ การเดินทางไฟลท์นี้ให้บริการเต็มรูปแบบบนเครื่อง Boeing 777 – 200 ซึ่งมีรายละเอียดเที่ยวบินตามนี้ครับ
ROUTE : Bangkok (BKK) – Mumbai (BOM)
FLIGHT : TG 317 – Thai Airways Inc.
AIRCRAFT : Boeing 777 – 200
DATE : 15.04.2017
ETD : 06.55PM (GMT+7)
ETA : 09.55PM (GMT+5.5)
DURATION : 4 HOURS 30 MINUTES
CABIN : ECONOMY
เริ่มจากผมไปเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณ 16.30 น. ที่แถว H – J ซึ่งเป็นแถวประจำของเจ้าจำปีสำหรับไฟลท์ต่างประเทศ โดยผมทำ Internet check-in มาแล้ว สามารถไปเข้าช่อง Baggage drop ได้เลย คิวไม่ยาว แต่คิวเช็คอินปกตินั้นพี่แขกต่อแถวยาวมากและแต่ละคนขนของกันเต็มกำลังทั้งนั้น หากใครไม่อยากเสียเวลาแนะนำทำ Internet Check-in มาจะประหยัดเวลาได้เยอะมาก และส่วนใครทำ Indian E-Tourist Visa (eTV) มาก็อย่าลืมพิมพ์ใบวีซ่าที่อนุมัติแล้วมาด้วยนะครับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เช็คอินดูด้วย (สามารถดูขั้นตอนการทำ Indian eTV ได้ที่นี่)
จากนั้นเมื่อได้ Boarding Pass มาแล้ว ก็จัดการผ่าน Security และ ตม. ให้เรียบร้อย โดยวันนี้เราจะขึ้นเครื่องที่ประตูหมายเลข C-2
ผมเดินเล่นหาของกินก่อนและไปถึงประตูทางขึ้นเครื่องประมาณ 17.30 น. ซึ่งประตูเปิดแล้ว และเจ้าตองเจ็ดก็มาจอดรออยู่แล้วด้วย
สักประมาณหกโมงเศษๆ ก็เรียก Boarding ครับ ถือว่าเรียกเร็วมาก อาจจะเพราะผู้โดยสารเยอะ (ไฟลท์นี้ Load ประมาณ 85 – 90 % เลยทีเดียว เป็นคนอินเดียเกือบทั้งเครื่อง) และเผื่อเวลา “จับแขกใส่กระด้ง จัดแจงที่นั่ง” ด้วย ซึ่งใครเคยบินไฟลท์อินเดียคงเข้าใจดีว่ากว่าพี่แขกจะเก็บของใน Overhead Locker และนั่งที่ได้นั้นพวกเขาใช้เวลานานเพียงใด
มุมบังคับ
ที่นั่งชั่ง Economy จัดแบบ 3 – 3 – 3 ซึ่ง Seat Pitch กว้างพอดีสำหรับคนที่สูง 183 ซม. อย่างผม ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกและสิ่งบันเทิงก็มี PTV, Power socket สำหรับชาร์ตแบบ USB และนิตยสาร แต่ขอคอมเมนต์สักเล็กน้อยว่าเครื่องค่อนข้างเก่า เบาะเหม็นอับเล็กน้อยและ Seat pocket บางที่นั่งฉีกขาดจนวางหนังสือและเอกสารไม่ได้ด้วย
หลังจากที่จัดแจงผู้โดยสารทุกท่านเข้าที่เรียบร้อยแล้วเครื่องก็ Push Back ตามเวลา และหลังจากตั้งลำได้แล้วก็เริ่มสำรวจห้องน้ำกันเลย ความสะอาดและเครื่องใช้ต่างๆ ครบถ้วนตามสไตล์สายการบินพรีเมี่ยม
หลังจากนั้นก็เริ่มให้บริการอาหารร้อนแบบ Full course เพราะไฟลท์นี้เป็น Medium Haul บิน 4 ชั่วโมงครึ่ง แต่ผมสั่งอาหารล่วงหน้าไว้เป็น Fruit Platter (ผลไม้สด) เพราะเนื่องจากไฟลท์นี้บินไปเมืองแขก ผมจึงกลัวได้อาหารที่มีเครื่องเทศแรงและรสเผ็ด จึงต้องสั่งอาหารพิเศษ (ซึ่งก็เป็นจริงตามที่ผมคาด เพราะไฟลท์นี้เสิร์ฟเป็นข้าวแกงกะหรี่ไก่ ส่วนอีกตัวเลือกเป็นปลาเปรี้ยวหวาน สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด)
หลังจากที่รับประทานเสร็จก็หลับๆ ตื่นๆ และระหว่างนั้นก็บริการเครื่องดื่มตลอดไฟลท์ จึงหยิบน้ำแอปเปิ้ลมาจิบแก้คอแห้ง สักพักไม่นานก็เริ่มลดระดับสู่ท่ากาศยาน Chhatrapati Shivaji International Airport แห่งมหานครมุมไบ และแลนดิ้งก่อนเวลาด้วย สำหรับการมาอินเดียรอบนี้ผมใช้วีซ่าแบบ Electronic travel visa ซึ่งมีช่องทางของ ตม. ที่แยกต่างหาก จึงไปตามทางป้ายที่เขียนว่า e – Touris Visa
เมื่อผ่าน ตม. มาแล้วก็มารับกระเป๋าได้ที่สายพานหมายเลข 5