การเดินทางไปเวียงจันทน์ (ประเทศลาว) จากกรุงเทพนั้นสามารถทำได้ทั้งบินตรงเลย ซึ่งมีสายการบินให้บริการหลายสายการบิน แต่ข้อเสียของการบินตรงกรุงเทพ – เวียงจันทน์นั้นก็อย่างที่ทุกคนทราบกันคือเรื่องราคาตั๋วที่ค่อนข้างโหดพอสมควรสำหรับการบิน short haul เพียง 1 ชั่วโมงเศษ เรียกได้ว่าบางครั้งค่าตั๋วนี้สามารถบินไปกลับกรุงเทพ-สิงคโปร์หรือกรุงเทพ-ฮ่องกงได้เลย ซึ่งไม่เหมาะสำหรับขาเที่ยว Backpacker งบประมาณจำกัดอย่างเราแน่นอน แต่ถึงกระนั้นก็มีทางเลือกอีกทางหนึ่งซึ่งเสียเวลาเดินทางเพิ่มอีกไม่เกิน 2 ชั่วโมงแต่ประหยัดค่าเดินทางไปได้หลายพันเลย ซึ่งนั่นคือ “การบินไปลงสนามบินอุดรธานีและต่อรถไปด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวที่จังหวัดหนองคาย“
วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ความประหยัดและระยะเวลามาพบกันตรงกลางพอดี แต่อาจจะต้องทำใจเรื่องต่อรถหลายต่อหน่อยกว่าจะถึงใจกลางเวียงจันทน์ และต้องออกจากกรุงเทพเมืองฟ้าอมรเช้าหน่อย เพื่อจะได้ถึงเวียงจันทน์ก่อนเที่ยง และมีเวลาเที่ยวอีกครึ่งวันในตอนบ่าย (ขาเที่ยวแบบ Budget traveler แบบผมนอกจากประหยัดตังแล้ว ยังขี้เหนียวเรื่องเวลาด้วย ไปทั้งทีต้องคุ้มครับ 😀 )
เอาล่ะ……อารัมภบทมาพอสมควรแล้ว เรามาเข้าเรื่องของเราก่อนดีกว่า (ก่อนนี่น้ำจะท่วมทุ่งผักบุ้งซะก่อน 555+) เริ่มผมจองตั๋วกรุงเทพ-อุดรธานีเที่ยวบินเช้าสุด ซึ่งสายการบินที่ราคาดีสุดในรอบนี้คือหางแดง Air Asia ครับ ทริปนี้ผมไปกันสองคน ค่าตั๋วไปกลับตกคนละ 1,0XX บาท เท่านั้น !!หากพร้อมแล้วเรามาเริ่มเดินทางไปพร้อมกันเลยครับ
Flight Information;
Route : Bangkok (DMK) – Udonthani (UTH)
Flight : FD3352 (Thai Air Asia)
ETD : 08.15am
ETA : 09.10am
Duration : 55 minutes
Aircraft : A320-200
Date : 06.04.2017
เริ่มจากมาเช็คอินที่สนามบินดอนเมือง อาคารใหม่ภายในประเทศครับ ไฟลท์แปดโมงเช้า แต่พวกผมมาถึงตั้งแต่หกโมงครึ่งครับ (อยากเจอหน้าคนไปด้วยเร็วๆ 🙂 ) ไปถึงสนามบินก็เจอแถวเช็คอินที่ยาวพอสมควรครับ เรียนได้ว่าหากไปก่อนเวลาเครื่องออก 1 ชั่วโมงมีโอกาสไม่ทันสูงครับ ดังนั้นใครที่บินดอนเมืองเช้าๆ อย่าประมาทครับ เผื่อเวลาสักชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงเป็นดีที่สุด
หลังจากที่เช็คอินและได้ Boarding pass มาแล้วก็ผ่าน Security และเดินไปที่ Gate ทันทีครับ เพราะวันนี้ FD3352 บอร์ดที่ Gate 75 ซึ่งเป็น Bus gate และอยู่ไกลพอสมควร
มาถึง Gate แล้วเรานั่งไม่ถึง 5 นาที ประมาณ 7.30 น. พวกเรากินกาแฟกับแซนด์วิชที่ซื้อบริเวณ Gate 75 หมด ก็เรียก Boarding ทันที ชนิดเพิ่งกลืนคำสุดท้ายหมดพอดี
ขึ้นรถบัสไปไกลพอควรก็เจอกับ A320-200 ที่จะพาเราไปอุดรธานีครับ
ภายในบริเวณที่นั่งและเฟอร์นิเจอร์ในกระเป๋าหน้าที่นั่ง เป็นแบบที่เราคุ้นเคยตามแบบฉบับโลว์คอสสไตล์หางแดงครับ จัดที่นั่ง 3-3 มีที่นั่ง Hot Seat (เบาะคลุมสีแดงที่แถว 1 – 5 และ 12 – 13) ส่วนที่นั่งนั้น Seat pitch แคบ (แค่ 28 นิ้ว ตามข้อมูลใน Google flight) เพราะเป็นโลว์คอส แต่บินแค่ชั่วโมงเดียวผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
วันนี้ผู้โดยสารเต็มครับ อาจจะเพราะเป็นวันหยุด เครื่อง Push Back และ Take-off ตามเวลา เมื่อตั้งลำได้แล้วก็จำหน่ายอาหารและของที่ระลึก นั่งได้ไม่นานก็ Descending แล้วก็ Landing ตรงตามเวลาครับ เมื่อมาถึงสนามบินอุดรธานีแล้วก็ไปตามทางเพื่อรับกระเป๋าสัมภาระ
แต่การเดินทางของเรายังไม่จบเท่านี้ครับ เพราะเราเพิ่งผ่านขั้นตอนแรกเท่านั้น ขั้นตอนต่อไปคือหารถไปที่ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคายเพื่อข้ามไปลาว ซึ่งหลังจากที่เรารับกระเป๋าและเดินออกมาแล้วจะพบเคาน์เตอร์ของอุดรแก้วทัวร์ ซึ่งให้บริการรถตู้ไปหนองคายและด่านผ่านแดน สามารถซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์เลย โดยบอกเจ้าหน้าที่ว่าจะไปลงที่ไหน ราคาค่าตั๋วจากสนามบินอุดรธานีไปด่านผ่านแดนหนองคายคนละ 200 บาทครับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษๆ (จริงๆ มีวิธีอื่นที่ประหยัดกว่า 200 บาท แต่ต้องหารถเข้าไป บขส.อุดรธานีแล้วต่อรถประจำทางไป บขส.หนองคาย และหารถต่อไปด่านผ่านแดนอีกที ซึ่งเสียเวลามากและประหยัดกว่ากันไม่กี่บาท วิธียิงตรงจากสนามบินอุดรธานีไปด่านจึงดีที่สุดสำหรับเราในทริปนี้ครับ)
หลังจากนั่งรถหลับงีบไปสักพักก็มาถึงด่านผ่านแดน ไม่ต้องกลัวนั่งเลยครับ เพราะที่ด่านผ่านแดนนี้คือสุดสายของรถตู้พอดี เมื่อมาถึงด่านแล้วก็จัดการทำธุระฝั่งนี้ให้เรียบร้อย เช่นกดเงิน หรือซื้อกินเล็กๆ น้อยๆ เพราะเรากำลังจะ “ข้ามประเทศ” ไปยังลาวที่ด่านนี้ โดยเราใช้วิธีผ่านแดนโดยหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) เนื่องจากง่าย รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาทำบัตรผ่านแดน และที่สำคัญหากใข้บัตรผ่านแดน ไม่ใช้พาสปอร์ต จะสามารถอยู่ในเขตเวียงจันทน์ได้เท่านั้น
เมื่อมาถึงอาคารผู้โยสารขาออกแล้ว ก็ให้ไปหาโต๊ะที่แจกบัตรขาออก (ใบ ตม.6) เพื่อกรอกข้อมูลให้เรียบร้อย และยื่นให้เจ้าหน้าที่ ตม. พร้อมพาสปอร์ต
เมื่อผ่านมาด่าน ตม. ขาออกของไทยเรียบร้อยแล้วเราจะต้องไปต่อยังด่าน ตม. ขาเข้าของลาว เพื่อจะได้ตรวจลงตราประทับเข้าลาวอย่างถูกกฏหมาย โดยเราจะต้องนั่งรถบัสไปประมาณ 5 นาที ซึ่งเคาน์เตอร์ขายตั๋วรถบัสอยู่นอกอาคาร (ถัดจากเคาน์เตอร์ ตม. ขาออกของไทย) เดินออกมาจะเห็นเลย โดยค่าตั๋วรถราคา 5 บาทต่อคน (หากไปวันหยุดสุดสัปดาห์หรือนักขัตฤกษ์จะเก็บเพิ่มอีกคนละ 5 บาท เป็นค่าล่วงเวลา) โดยรถที่ใช้เป็นรถมินิบัสครับ มาก่อนนั่งก่อนมาทีหลังก็ยืน แต่วิ่งแค่ 5 นาทีเท่านั้น ไม่ต้องซีเรียส
เมื่อรถวิ่งมาสุดทางเราก็จะเจอด่าน ตม. ขาเข้าของลาวครับ (วันนี้คนเยอะพอสมควร) เมื่อเราถึงด่าน ตม. ขาเข้าลาวแล้ว ให้เราเดินไปซื้อบัตรผ่านประตูแบบเที่ยวเดียวที่เคาน์เตอร์ Custom Fee Point by RFID System ราคาใบละ 5 บาท (จ่ายเงินไทยได้) ใช้หนึ่งคนต่อหนึ่งใบ จะได้เป็นบัตรสมาร์ทการ์ดแข็ง สีเทามา และให้หาโต๊ะที่แจกบัตรขาเข้าเพื่อกรอกข้อมูลของเรา (กรอกเป็นภาษาอังกฤษ)
สรุปนะครับ เอกสารที่ต้องเตรียมให้เรียบร้อยก่อนเข้าไปที่ด่าน ตม. ขาเข้าลาว
-
พาสปอร์ต
-
บัตรผ่านศุลกากรแบบเที่ยวเดียว (บัตรแข็ง สีเทา)
-
บัตรขาเข้าลาวที่กรอกข้อมูลเรียบร้อย
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเราก็มุ่งหน้าไปต่อแถวที่ ตม.ขาเข้าเลยครับ ขอบอกว่าคนลาวที่แถว ตม. น่ารักมาก เข้าแถวเป็นระเบียบ ไม่มีแซงคิว และบอกเราด้วยว่าคนไทยไปอีกแถวก็ได้ คิวสั้นกว่าและเร็วกว่า 🙂
ทาง ตม. ไม่ถามอะไรมากครับ ถามแค่ว่ามาเที่ยวใช่มั้ย มากี่วัน (ภาษาลาวฟังไม่ยากครับ เราคนไทยเข้าใจไม่ยาก) เมื่อผ่าน ตม. ขาเข้าลาวและได้รับตราประทับมาเรียบร้อยแล้ว เป็นอันว่าเราเข้าลาวมาแบบถูกกฏหมายแล้วครับ ด้านหลัง ตม. ขาเข้าลาวจะมีเคาน์เตอร์ธนาคารรับแลกเงินและร้านขายซิมการ์ด ใครจะแลกเงินหรือซื้อซิมการ์ดจัดการที่นี่ได้เลย อัตราแลกเปลี่ยนหากใครจะใช้ซื้อของก็คิดง่ายๆ ว่า 1000 กีบ เท่ากับประมาณ 4.50 บาท ส่วนซิมการ์ดราคาประมาณ 80 – 100 บาท สามารถใช้เน็ตได้ 2 GB ระยะเวลาใช้งาน 30 วัน
ถึงตรงนี้แล้วก็เกือบแล้วครับ เกือบจะถึงเวียงจันทน์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือหารถเข้าไปกลางเวียงจันทน์ (ตลาดเช้า หรือ Morning Market) ขาเที่ยว Backpack อย่างเราเน้นรถประจำทางเป็นหลัก ดังนั้นหากจะใช้รถประจำทางเข้าเวียงจันทน์ให้เราเดินผ่านวงเวียนไปเล็กน้อยจะเจอป้ายรถเมล์ สังเกตจะมีรถเมล์จอดอยู่หลายๆ คัน หากสงสัยก็ถามคนแถวนั้นได้ว่าป้ายรถเมล์ไป “ตลาดเช้า” อยู่ไหน แต่ระหว่างทางอาจจะเจอแทกซี่หรือไกด์มาเสนอพาไปเวียงจันทน์ ไปส่งโรงแรม หรือพาเที่ยวแบบ One-day trip หากใครสนใจก็ลองต่อรองราคาดูได้ หรือหากไม่สนก็ใจแข็งเดินผ่านไปเลยครับ
เมื่อมาถึงป้ายรถเมล์สังเกตหารถสาย 132 ที่จะสุดสายที่ตลาดเช้าพอดี (จริงๆ รู้สึกรถไปตลาดเช้ามีหลายสาย เราลองถามคนขับหรือคนแถวนั้นได้ครับว่าคันนี้ไปตลาดเช้ามั้ย หากเค้าบอก OK หรือพยักหน้าก็เป็นอันว่าใช่ ขึ้นรถได้เลย) รถเป็นรถแอร์นั่งสบาย ค่ารถคนละ 6000 กีบ (ประมาณ 27 บาท) ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงตลาดเช้าครับ
รถบัสไปตลาดเช้าใช้เวลาวิ่งประมาณ 30 นาทีก็มาถึงปลายทางครับ ระหว่างทางก็มีคนขึ้นคนลงเหมือนรถประจำทางบ้านเรา เมื่อมาถึงตลาดเช้าซึ่งเป็นใจกลางของเวียงจันทน์แล้ว เราก็สามารถจะต่อรถเพื่อไปโรงแรมของเราได้ หากจองโรงแรมใกล้ตลาดเช้าก็เดินไปได้ หรือหากไกลหน่อยอาจจะต้องหารถสามล้อเครื่อง (ที่นั่นเรียก “สกายแล็ป”) เพื่อไปโรงแรม ราคาตามแต่ตกลง ซึ่งทางผมจองโรงแรมแถวๆ “ธาตุดำ” เอาไว้ ซึ่งไม่ไกลจากตลาดเช้าสามารถเดินไปได้ โดยพวกผมไปถึงโรงแรมประมาณ เที่ยงวันพอดี จากนั้นก็เช็คอิน ล้างหน้าล้างตา เพื่ออกไปหาข้าวเที่ยงกินกัน ก่อนจะไปลาดตระเวนเวียงจันทน์ในช่วงบ่ายต่อไป
สรุปค่าเดินทางหากเราใช้การเดินทางโดยเครื่องบินกรุงเทพมาลงอุดรธานีแล้วต่อรถมาเวียงจันทน์ต่อคนเป็นไปตามนี้ครับ
-
ค่าเครื่องบินขาละ : 560 บาท (จองได้โปรฯ ของแอร์เอเชีย)
-
ค่ารถตู้จากสนามบินอุดรธานีมาด่านผ่านแดนหนองคาย : 200 บาท
-
ค่ารถจากด่าน ตม.ไทย ไปด่าน ตม.ลาว : 10 บาท
-
ค่าบัตรผ่านศุลกากรแบบเทียวเดียว : 5 บาท
-
ค่ารถเมล์จากด่าน ตม.ลาวไปตลาดเช้า : 27 บาท
รวมทั้งสิ้น 802 บาท !!!
ส่วนระยะเวลาเดินทางเนิ่มจากบินออกจากดอนเมืองเวลา 8.15 น. จนกระทั่งเช็คอินที่โรงแรมเวลาเที่ยงเศษๆ รวมทั้งสิ้น 4 ชั่วโมงพอดี
เห็นมั้ยครับ ไม่ยากเลยหากคิดจะไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างประเทศลาวโดยการบินจากกรุงเทพไปลงอุดรธานีแล้วต่อรถข้ามไปลาว ใช้เวลาไม่นานมากและประหยัดค่าใช้จ่ายสุดๆ (ตัวแปรสำคัญอยู่ที่ค่าเครื่องบินไปอุดรธานีครับ หากได้ตั๋วถูกหรือตั๋วโปรฯ จะทำให้ประหยัดแบบสุดๆ เลย) ใครสนใจไปเยือนลาวด้วยวิธีการนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้ครับ และขอให้ทุกคนสนุกกับการไปเยือนประเทศบ้านพี่เมืองน้องของเรา…..ประเทศลาวครับ
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
2 thoughts on “[Review] Air Asia จากดอนเมืองไปอุดรธานี แล้วต่อรถไปเวียงจันทน์ (ลาว)”