ทริปนี้ผมไปทำงานที่ฝรั่งเศสครับ ตอนแรกก็อยากจะบินตรงด้วยเจ้าประจำของรูทนี้อย่างการบินไทยหรือ Air France แต่ปรากฏว่าทั้งสองสายการบินนี้เต็มในช่วงที่ผมต้องเดินทางพอดี อาจจะเป็นเพราะช่วงที่ผมไปนั้นเป็นช่วงที่ปารีสมีงานใหญ่ นั่นคืองาน SIAL PARIS – Food Exhibition ซึ่งเป็นงานระดับโลก ทำให้ยอดจองเต็มพิกัด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาครับถึงแม้เที่ยวบินตรงจะแน่นจนไม่มีที่ว่างให้เรา เพราะการบินจากกรุงเทพไปปารีสด้วยการบินแบบแวะพัก (Stopover Flight) นั้นมีตัวเลือกให้เลือกเยอะมากกกกก ทั้งสายการบินตะวันออกกลาง (เช่น Emirates, Etihad Airways, Qatar Airways, Oman Air, ฯลฯ) หรือสายการบินยุโรป (เช่น KLM, Aeroflot, Lufthansa, ฯลฯ) หรืแม้กระทั่งสายการบินอินเดียอย่างเช่น Jet Airways หรือ Air India นั้นก็เป็นอีกตัวเลือกด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าเลือกเอาตามแต่ใจจะไขว่คว้าเลยครับ
ซึ่งเมื่อผมพิจารณาถึงเวลาและราคาแล้ว สายการบินแห่งชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่าง Etihad Airway นั้นเหมาะสมที่สุดทั้งในแง่ของราคา ระยะเวลารอเปลี่ยนเครื่อง เวลาออกต้นทาง และเวลาถึงปลายทาง จึงจัดการจองอย่างทันใด เพราะกลัวว่ามันจะเต็มแบบไฟลท์ตรง
สำหรับการรีวิวของผมในครั้งนี้นั้นเป็นรีวิวครั้งแรกกับสายการบินนี้ โดยเป็นเส้นทางจากปารีส-ชาร์ล เดอ โกลล์ (CDG) ไปกรุงเทพ-สุวรรณภูมิ (BKK) แบบแวะเปลี่ยนเครื่องที่อาบูดาบี (AUH) โดยรายละเอียดเที่ยวบินและเส้นทางเป็นตามนี้ครับ
FLIGHT – 1
ROUTE : Paris (CDG) – Abu Dhabi (AUH)
FLIGHT : EY 38– Etihad Airways
AIRCRAFT : Airbus A340-600
DATE : 21.10.2016
ETD : 10.00PM (GMT+2)
ETA : 07.05PAM (GMT+4) +1
DURATION : 7 HOURS 5 MINUTES
CABIN : ECONOMY
****** STOPOVER TIME : 1 Hour 20 Minutes ******
FLIGHT – 2
ROUTE : Abu Dhabi (AUH) –Bangkok (BKK)
FLIGHT : EY 38– Etihad Airways
AIRCRAFT : Boeing 777 – 300
DATE : 22.10.2016
ETD : 08.25AM (GMT+4)
ETA : 18.25PM (GMT+7)
DURATION : 6 HOURS 45 MINUTES
CABIN : ECONOMY
เริ่มต้นจาก Check-in ที่สนามบิน Paris Charles de gaulle ครับ Etihad นั้นอยู่ที่ Terminal 2 ของสนามบิน CDG ซึ่งแยกออกจาก Terminal 1 และ 3 เลยหากมา RER เส้นทาง B ให้ลงสุดสายเลย
ไฟลท์ของผม 22.00 น. ผมไปถึงสนามบินประมาณ 19.30 น. ตอนนั้นเปิดให้ Check-in แล้วและคิวค่อนข้างยาวทีเดียว โชคดีที่ผมทำ Internet check-in มาแล้ว ทำให้สามารถใช้ช่อง Baggage drop ได้เลย ประหยัดเวลาได้เยอะ
หลังจากที่ได้ Boarding pass มาแล้ว ก็เหลือบดูว่า Gate เราอยู่ตั้งหมายเลข 40 ถือว่าไกลเลยทีเดียว แต่เรามาล่วงหน้านาน ไม่น่าจะมีปัญหา เดินเล่นชิวๆ แล้วใกล้เวลาค่อยไปที่ Gate ครับ
หลังจากที่ผมไปถึง Gate ก็ Boarding ถึงช่วงท้ายๆ พอดี เผอิญเดินเล่นเพลินไปหน่อย ของมันน่าสนใจเยอะ

บรรยากาศภายใน A340-600 ชั้น Economy ของ Etihad ครับ จัดที่นั่งแบบ 3-3-3 ไม่อึดอัดเท่าไหร่ ผมสูง 183 cm นั้นนั่งสบายๆ กับ Seat pitch ที่ Etihad ให้มาเลย 😀
มี PTV ส่วนตัว และเอกสารหน้าที่นั่งตามมาตรฐาน Full Service 🙂
ส่วนของที่แจกมาก็มีหูฟัง หมอน และถุง Sleep tight ที่ข้างในมีถุงเท้าใส่นอนและชุดแปรงสีฟันพร้อมยาสีฟันครับ
เมื่อ Take off และตั้งลำได้ ก็เริ่มสำรวจห้องน้ำก่อนเลยครับ โดยรวมแล้วสะอาดและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันดี ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ทำความสะอาด และน้ำยาฆ่าเชื้อ
จากนั้นเมื่อเครื่อง Take – off และตั้งลำได้ ก็เริ่มให้บริการอาหารร้อน ซึ่งผมขอเป็นสเต็กไก่พร้อมมันบดซอสครีมผักโขม อีกเมนูเป็นเนื้อ ซึ่งผมไม่ทานเนื้อจึงเหลือตัวเลือกเดียว ไฟลท์นี้ไม่ได้สั่งอาหารพิเศษล่วงหน้าครับ ลืมสนิทไปเลย ซึ่งปกติหากบิน Full Service กับสายการบินที่สั่งอาหารพิเศษได้ ผมจะสั่งเป็นผลไม้สด (Fruit Platter) เนื่องจากผมมักทานอะไรไม่ลงขณะบินไกลๆ การทานผลไม้จึงง่ายและสบายท้องที่สุดแล้ว ทำให้ท้องไส้ไม่ค่อยปั่นป่วนเมื่อต้องเดินทางข้าม Time Zone ใครจะเอาเทคนิคไปใช้ก็ได้นะครับ ไม่หวง 🙂
จากนั้นท้องอิ่มก็ปิดสวิทซ์หลับทันทีครับ เนื่องจากเป็นไฟลท์ดึกและวันนี้ผมก็ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน รู้ตัวอีกทีก็ฟ้าสางที่ Emirate แล้ว กัปตันก็ให้สัญญาณรัดเข็มขัดและเตรียม Landing ที่ Abu Dhabi
ผมมีเวลาต่อเครื่องแค่ชั่วโมงกว่าๆ ทำอะไรไม่ได้มากที่สนามบิน Abu Dhabi หลังจากที่ผ่าน Security แล้วก็รีบดิ่งไปที่ gate 35 ทันที (เพราะมีเวลาเปลี่ยนเครื่องแค่ 1 ชั่วโมง 20 นาที) ปรากฏว่าคนรอกันเต็มแล้ว ผมไม่ถึง 5 นาทีก็ Boarding กันเลยครับ
เอกสารหน้าที่นั่งครับ
หลังจากที่ตั้งลำได้ก็บริการอาหารเช้า ผมเลือกเป็นโจ๊กไก่ครับ อีกตัวเลือกเป็นอ็อมเลทซึ่งหนักไปสำหรับผม เลือกโจ๊กไก่ดีกว่า เพราะตอนนั้นยังมึนๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ แต่ก็กินไหวครับ เพราะผมน่าจะมีกระเพาะหลายอัน 😀
จากนั้นท้องอิ่มแล้วก็หลับอีกตามเคย ตื่นขึ้นมาก็เตรียม Landing ที่สุวรรณภูมิครับ หลังจาก Landing แล้วก็ผ่าน ตม. รับกระเป๋าตามระเบียบ
โดยรวมสายการบินนี้ผมให้ คะแนนเต็ม 10/10 ครับทั้งในแง่ของ
– บริการ
– ความตรงต่อเวลา
– Service Mind ของ Cabin Crew
– ความสะอาดของ cabin
– ขนาดของที่นั่ง
สมกับได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย
ใครที่จะเดินทางไปฟากตะวันตกอย่าง ยุโรป แอฟริกา หรืออเมริกา การไปต่อเครื่องที่อาบูดาบีโดย Etihad ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางเลือกหนึ่งที่ผมแนะนำเลยครับ รับรองความประทับใจ
และผมขอจบรีวิวไว้เพียงเท่านี้ครับ รูปอาจจะไม่สวยเท่าไหร่ เพราะไม่ได้แต่ง และอาจจะมีข้อผิดพลาดหรือข้อตกหล่นไปก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
และผมยินดีรับข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงในครั้งต่อไปครับ
ขอบคุณครับ 


ดีมากเลยครับเหมือนร่วมบินในไฟล์นี้ด้วยเลย ขอบคุณที่บรรจงลงรายละเอียดได้ดีมากทีเดียว เป็นความรู้ในการเดินทางระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดีครับ
LikeLike