ทริปนี้เป็นอีกทริปหนึ่งที่ผมไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวเอง โดยตอนนั้นผมต้องไปพบเจ้านายและทำงานที่ฝรั่งเศส 1 สัปดาห์ (เจ้านายเป็นคนฝรั่งเศสและประจำอยู่ที่นั่น) ซึ่งก็เหมือนกับทริปทำงานทั่วๆ ไปที่ต้องออกจากโรงแรมแต่เช้าตรู่และกว่าจะกลับถึงโรงแรมก็เย็นมากประมาณทุ่มครึ่ง ทำให้แต่ละวันทำได้อย่างมากก็เดินเล่นในปารีส ออกไปกินข้าวและช๊อปปิ้งเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งไม่ค่อยถูกจริตผมเท่าไหร่ในฐานะแบ็คแพ็คเกอร์ ที่อยากจะไปเห็นอะไรที่มันแปลกตา ไม่ใช่อยู่แต่ในเมืองใหญ่ แต่ในเมื่อภารกิจนั้นคือการทำงาน ดังนั้นเราก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ให้ดีที่สุด เรื่องเที่ยวเอาไว้ทีหลังได้ แต่ก็มีวันหนึ่งที่ผมต้องออกไปคุยธุระนอกปารีส วันนั้นเป็นวันศุกร์ผมกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงานชาวจีนอีกคน (ชื่อ Tiny Yang) รวมเป็นสามคนต้องออกไปที่เมืองท่าทางตอนเหนือที่ชื่อว่า “เลอ อาฟ (Le Harve)” เมืองนี้ถ้าเทียบกับบ้านเราก็คงจะเป็นแหลมฉบัง เพราะเป็นเมืองที่มีท่าเรือใหญ่ใช้สำหรับขนส่งสินค้า เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญเมืองหนึ่งของฝรั่งเศส พวกเราออกเดินทางจากปารีสตั้งแต่ก่อนหกโมงเช้า เพื่อไปถึงที่หมายภายในเวลาเก้าโมง ซึ่งเป็นเวลาที่เรานัดหมายกับคนที่นั่นไว้ โดยเจ้านายผมเป็นคนขับรถเอง เมืองเลอ อาฟ อยู่ห่างจากปารีสไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 200 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง (แต่พวกเราแวะกินข้าวเช้ากลางทาง เลยใช้เวลากันทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมง)
วันนั้นเราทำธุระและประชุมต่างๆ เสร็จประมาณตอนบ่ายสองโมงเศษ แบบไม่ได้พักเที่ยงเลย เพราะต้องการลากยาวให้จบทีเดียว เพื่อให้กลับถึงปารีสไม่เย็นเกินไป เพราะเป็นอันรู้กันว่าการจราจรในปารีสตอนเย็นนั้นก็สาหัสเช่นกัน พวกเราเสร็จงานก็ขับรถออกมากันทันที เพื่อไปหาข้าวเที่ยงกินกัน แล้วจะได้กลับปารีส (ตอนนั้นหิวมาก อยากกินให้ได้ตอนนั้นเลย แต่แถวนั้นไม่มีอะไรให้กินเลยจริงๆ) ระหว่างทางที่เราขับรถออกมากันนั้น เจ้านายฝรั่งเศสของผมก็เสนอมาว่า “เราจะนั่งกินข้าวที่ร้านอาหารสักที่กันแบบสบายๆ แล้วกลับเข้าปารีส หรือ จะกินแบบ quick lunch เร็วๆ แล้วจะได้มีเวลาไปดูมหาวิหารรูอ็อง (Rouen Cathedral) ที่อยู่ใกล้ๆ นี้สักพักนึง” ผมมองหน้ากับ Tiny เพื่อนร่วมงานชาวจีนแล้วก็เป็นอันรู้กัน ซึ่ง Tiny ก็บอกกับเจ้านายไปในมันทีว่าเลือกข้อหลัง เพราะโอกาสแบบนี้หาได้ไม่ง่ายสำหรับพวกเราชาวเอเชียในการที่จะได้เห็นแหล่งท่องเที่ยวของฝรั่งเศสที่อยู่นอกปารีส ซึ่งเจ้านายผมก็ตอบรับที่จะพาไปโดยทันที
แผนที่แสดงตำแหน่งปารีส เลออาฟ และมหาวิหารรูอ็อง
มหาวิหารรูอ็อง มีอีกชื่อหนึ่งว่า “นอทเตอดัม-เดอ-รูอ็อง (Norte-Dame de Rouen)” ตั้งอยู่ในเมืองรูอ็อง (Rouen) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นนอร์มังดีเหนือ (Upper Normandy) มหาวิหารรูอ็องเป็นวิหารโรมันคาทอลิคแบบโกธิค (Gothic) ซึ่งแต่เดิมเป็นโบสถ์ที่ถูกสร้างด้วยศิลปะแบบโรมาเนสท์ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 4 ส่วนโบสถ์ปัจจุบันที่เป็นศิลปะแบบโกธิคนั้นสร้างขึ้นภายหลังในศตวรรษที่ 12 โดยใช้เวลาก่อสร้าง 361 ปี (ปี ค.ศ 1145 ถึง ค.ศ 1506) มีความสูงทั้งหมด 151 เมตร เคยเป็นวิหารที่สูงที่สุดในยุโรปในช่วงปี ค.ศ. 1876 ถึง 1880 และเคยถูกทำลายจนเกือบย่อยยับในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองจากการถูกระเบิดจนเกือบทำลายหอกลาง ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้มีการบูรณะใหม่จนมีสภาพที่เห็นในปัจจุบัน มหาวิหารรูอ็องเป็นที่ฝังพระศพของพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ (Richard the lionheart) แต่มีเฉพาะส่วนหัวใจเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ถูกฝังไว้ที่เมือง Anjou
นอกจากมหาวิหารรูอ็องแล้ว ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอย่างอื่นอยู่ใกล้ๆ วิหารด้วย ซึ่งนั้นก็คือบริเวณถนนใกล้ๆ วิหาร ซึ่งถนนบริเวณนี้ไม่ให้รถวิ่งผ่าน ให้เฉพาะคนเดินเท่านั้น โดยตัวถนน บ้านเรือน รวมถึงสิ่งปลูกสร้างต่างๆ นั้น ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในรูปแบบดั้งเดิม ทำให้ถนนแห่งนี้มีเสน่ห์สุดๆ เหมือนกับเรากำลังเดินเข้าไปในเมืองแห่งเทพนิยายยังไงยังงั้น และสองฝั่งถนนนั้นก็เป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านของที่ระลึกต่างๆ ทำให้เพลิดเพลินตาในการเดินชมอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นบรรยากาศของที่นี่นั้นต่างกับในปารีสอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าวิถีชีวิตของผู้คนนั้นอยู่แบบเรียบง่าย ไม่เร่งรีบเหมือนเมืองใหญ่ สัมผัสได้ถึงความ Slow Life ได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่พวกเราจอดรถแล้ว เจ้านายผมก็เดินนำทางไปที่มหาวิหารรูอ็องตามที่แกบอกว่าจะพาไปดู แต่ในนาทีที่เราเห็นถนนและบ้านเมืองบริเวณนั้น ทางผมกับ Tiny ก็เหมือนจะรู้สึกเหมือนกัน ซึงนั่นก็คือ ลืมความหิวไปเลย ขอเดินชมเมืองก่อนดีกว่า ซึ่งเจ้านายผู้แสนใจดีของผมก็ไม่ขัดแต่อย่างใด พาเดินชมเมืองแบบเรื่องกินเอาไว้ทีหลัง ผมรู้สึกตื่นตามาก เพราะสิ่งที่เห็นนั่นมันคือดินแดนในนิทานที่เราเคยได้ฟังและได้เห็นจากรูปภาพในตอนเด็กชัดๆ เรียกได้ว่าถ่ายรูปมันแทบจะทุกก้าวที่เดินจริงๆ อีกทั้งวันนั้นอากาศกำลังสบาย ประมาณ 15 องศาเซลเซียส ทำให้เดินกันแบบไม่ร้อนเลย
ถนนที่เป็นทางเดินเข้าไปหามหาวิหารรูอ็อง ใกล้ๆ กับที่ที่เราจอดรถ
ร้านอาหารนั่งชิวบริเวณทางเดินเข้าไปหามหาวิหารรูอ็อง
(ถ้ามีเวลานั่งจิบกาแฟ ชมบรรยากาศบริเวณนั้นพร้อมกับอากาศเย็นๆ ตอนนั้น มันน่าจะมีความสุขสุดๆ)
ร้านค้าสองข้างทางเดินของถนนที่มุ่งไปมหาวิหารรูอ็อง
ซุ้มประตูที่เป็นหอนาฬิกาบริเวณถนนคนเดิน
เราใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีจากที่จอดรถ ผ่านถนนคนเดินอันสวยงามก็ถึงมหาวิหารรูอ็อง โมเมนต์แรกที่เห็นด้านหน้าวิหารเลยคือ “มันอลังการมาก” เกิดมาเพิ่งเคยเห็นวิหารคาทอลิคที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ผมพยายามใช้ไอโฟนถ่ายรูปด้านหน้าแบบให้เห็นทั้งหมดก็ทำไม่ได้ เพราะมันใหญ่เกินจอโทรศัพท์จริงๆ ด้วยเวลาที่เรามีจำกัด (มีเวลาที่เมืองรูอ็องประมาณชั่วโมงเศษ) เราจึงรีบเข้าไปดูภายในวิหารกัน โดยตัววิหารเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 19.00 น. (วันอาทิตย์เปิดตั้งแต่ 8.00 น. ส่วนวันจันทร์ปิดครึ่งวันเช้า เปิดอีกทีเวลา 14.00 น.) ภายในวิหารนั้นมีส่วนที่เป็นที่นั่งสำหรับผู้ที่เข้ามาประกอบศาสนกิจ ส่วนการตกแต่งและงานศิลปะนั้นมีทั้งภาพจิตรกรรม งานแกะสลักนูนสูงและลอยตัวตามความเชื่อของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค โครงสร้างวิหารเป็นแบบหลังเพดานสูง ผมกับ Tiny นั้นเรียกได้ว่าใช้เวลาอันน้อยนิดแบบมีค่าจริงๆ รีบเดินเก็บทุกส่วนของวิหารให้ครบแบบไม่ลังเลอะไรเลย
ด้านหน้าทางเข้ามหาวิหารรูอ็อง
โถงใหญ่ซึ่งเป็นบริเวณประกอบศาสนกิจ
เสาโรมันที่ตั้งเรียงรายพร้อมกับเพดานสูงของห้องโถงใหญ่ภายในมหาวิหารรูอ็อง
แท่นประกอบพิธีทางศาสนาภายในมหาวิหารรูอ็อง
รุปปั้นแกะสลักแบบลอยตัวภายในมหาวิหารรูอ็อง
หน้าต่างที่ประดับด้วยกระจกสีภายในมหาวิหารรูอ็อง
ภาพจิตรกรรมภายในมหาวิหารรูอ็อง
ภาพภายนอกมหาวิหารรูอ็องที่มองจากทางเดินเล็กๆ ด้านข้างของตัววิหาร
เราใช้เวลาอยู่ที่ภายในวิหารประมาณ 30 นาที ก็ได้เวลาเดินออกมา เพราะเราต้องหาอะไรกินก่อนจะกลับปารีส เสียดายอยู่เล็กน้อย เพราะเวลามีจำกัด แต่ก็เอาเถอะเรามาทำงาน ได้มาเที่ยวเท่านี้ก็ดีแล้ว เราเดินออกมาจากวิหารไปที่ถนนคนเดินแล้วไปเจอร้าน Kebab อยู่ร้านนึง เราไม่ลังเลที่จะเลือกกันเลย เพราะตอนนั้นเกิดความหิวทันทีที่เห็นของกิน (ก็แหงสิครับ ตอนนั้นบ่ายสามโมงกว่าแล้ว ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย) หลังจากได้ kebab มาเราก็เดินไปกินไปในทันที ไม่ให้เสียเวลา ก่อนที่จะกลับไปเอารถที่จอดไว้เพื่อเดินทางกลับปารีสกัน
วันนี้ถือเป็นอีกวันที่นับว่าโชคดีที่เรามีโอกาสได้มาเยือนมหาวิหารรูอ็องแบบที่ไม่ได้ตั้งใจมาก่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างทางไปเลอ อาฟ นั้นมีสถานที่สวยงามแบบนี้ซื่ออยู่ ทั้งนี้ก็เพราะเราแพลนว่าจะมาทำงาน ทำเสร็จก็กลับ เลยไม่ได้หาข้อมูลมาก่อน แต่เจ้านายก็ใจดีเสนอว่าจะแวะให้ แต่ต้องแลกมาด้วยการต้องหาอะไรกินง่ายๆ แทนที่จะนั่งกินในร้านเป็นที่เป็นทาง ซึ่งนั่นไม่ได้มีความหมายกับผมและ Tiny แต่อย่างใด พวกเราลิ้นจระเข้ ไม่เน้นหรูหราอยู่แล้ว ถือว่าวันนี้เป็น Discovery day อีกวันสำหรับผมอีกวันครับ ที่ได้มาเห็นมหาวิหารรูอ็อง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า “ฝรั่งเศสไม่ได้มีดีแค่ในปารีสเท่านั้น”
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::