เที่ยวรัสเซียวันที่ 2 : ออกไปตะลอนเมืองซากอสค์

         วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าเมื่อวานสักหน่อย เพราะว่าวันนี้ผมแพลนว่าจะนั่งรถไฟออกนอกมอสโควไปเที่ยวเมืองซากอสค์ (Zagorsk) เพื่อไปดูความสวยงามของศาสนสถานที่ชื่อว่าเซอกิเยฟ โพสาด (Sergiev Posad)” (แต่คนทั่วไปรู้จักชื่อเมืองนี้ในนามเซอกิเยฟ โพสาดมากกว่า พูดซากอสค์ไป บางคนไม่รู้จัก) โดยผมตื่นขึ้นมาเวลาเจ็ดโมงเช้าเพื่อจะได้ใช้ห้องน้ำก่อนใคร (ผมพักโฮสเทลและห้องน้ำเป็นแบบรวม โฮสเทลนี้มี 30 เตียง แต่มีห้องน้ำแค่ 2 ห้อง) แต่ที่ไหนได้ ห้องน้ำโล่งทั้งสองห้อง (แต่ทุกคนตื่นกันหมดแล้วนะ) หรือจะเพราะว่าอากาศหนาวติดลบจนไม่มีใครอยากอาบน้ำตอนเช้ากัน หรือเพราะว่าผมอนามัยอยู่คนเดียวก็ไม่รู้ และสาเหตุที่ผมต้องออกเช้าหน่อยในวันนี้ก็เพราะตั๋วรถไฟไฟชานเมืองอย่างซากอสค์ไม่สามารถจองออนไลน์ล่วงหน้าได้ ต้องไปซื้อแล้วขึ้นเลยที่สถานีรถไฟ หากไปสายผมกลัวตั๋วเต็ม

         หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จประมาณเจ็ดโมงครึ่งก็เดินออกจากโรงแรม เมื่อเดินออกมาจากโฮสเทลผมก็ตรงไปสถานีเมโทรเหมือนเดิมและใช้ตั๋วใบเดิมที่ซื้อไว้ 20 เที่ยวตั้งแต่เมื่อวาน (วันนี้ไม่ต้องลำบากในการสื่อสารเรื่องการซื้อตั๋วเมโทรแล้ว) โดยการจะไปเซอกิเยฟ โพสาดนั้นเราต้องไปขึ้นรถไฟชานเมืองที่สถานีรถไฟยาโรลาฟสกี้ (Yaroslavsky : Ярославский)  โดยการเดินทางไปสถานีรถไฟยาโรลาฟสกี้นั้นทำได้โดยขึ้นเมโทรไปลงสถานี Komsomolskaya (Комсомольская) สายที่ 1 (สีแดง) โดยสถานีเมโทรนี้ยังเป็นจุดหมายของสถานีรถไฟเลนินกราดสกี้ (Leningradsky : Ленинградский) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟระยะไกลที่ผมจะใช้เดินทางไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในคืนพรุ่งนี้อีกด้วย

          เมื่อเดินขึ้นมาจากสถานีเมโทรผมก็มองหาเคาน์เตอร์ขายตั๋วทันที ยอมรับว่าพอขึ้นมาแล้วรู้สึกงงมาก เพราะมองไม่เห็นเคาน์เตอร์เลย อีกทั้งป้ายต่างๆ ก็มีแต่ภาษารัสเซียทั้งนั้้น เลยยืนนิ่งสักพักก็เหลือบไปเจอแถวยาวๆ ที่ต่อคิวกันอยู่ ก็คิดได้เลยว่าถ้าไม่ใช่เคาน์เตอร์ขายตั๋วก็มีแจกของฟรี เลยวัดดวงไปต่อแถวดูปรากฏว่าใช่แล้วครับ มันคือเคาน์เตอร์ขายตั๋วนั่นเอง ต่อแถวไปได้สัก 10 นาทีก็ถึงคิวผม แต่การซื้อตั๋วที่นี่ไม่ยาก เพราะแค่เอ่ยชื่อไปว่าเซอกิเยฟ โพสาดเจ้าหน้าที่ก็รู้ในทันใดและกดเครื่องคิดเลขเป็นเลข 152 ก็เป็นอันรู้กันว่าราคาซื้อขายอยู่ที่ 152 รูเบิล (พูดอย่างกะอยู่ตลาดหลักทรัพย์เนอะ) ก็จ่ายเงินและได้ตั๋วมา เมื่อมองมาที่ตั๋วก็พบว่าโอ้ มาย ก็อด….ภาษารัสเซียทั้งนั้น ไม่บอกด้วยว่ารถออกกี่โมง ขบวนไหน ที่นั่งอะไรก็ได้แต่เดินตามคนอื่นๆ เข้าไปวัดดวงที่ชานชาลา มองเห็นรถไฟอยู่ 3 – 4 ขบวน และป้ายหัวขบวนมีแต่ภาษารัสเซียเช่นกัน มีแต่ตัวเลข 4 หลักใต้ภาษารัสเซีย ซึ่งเดาว่าเป็นเวลารถออก แล้วก็ไปเห็นเจ้าหน้าที่แต่งชุดคล้ายนายสถานีก็เลยเดินเอาตั๋วไปให้เขาดูเขาก็ชี้ไปที่ขบวนที่ออกเร็วที่สุด ตอนนั้น ก็เลยเดินเข้าไป อาศัยว่าเดินตามผู้โดยสารคนอื่นเข้าไป เขาทำอะไรก็ทำตามกันไป เมื่อเข้าไปในขบวนก็พบว่ามันคือรถไฟชั้นสามบ้านเราดีดีนี่เอง และดูแต่ละคนก็นั่งกันไปเรื่อย อยากเปลี่ยนที่นั่งก็เปลี่ยน อยากเปลี่่ยนโบกี้หรือเปลี่ยนขบวนก็เปลี่ยนกันสบายเฉิบ ก็เลยมาปิ๊ง ! เลยว่า ที่ตั๋วไม่ระบุขบวนรถ ไม่ระบุเวลา ไม่ระบุที่นั่ง ก็เพราะสามารถใช้ขึ้นขบวนไหนก็ได้ในวันนั้น นั่งไหนก็ได้ แล้วบนรถไฟจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วระหว่างทางอีกทีนึงว่าซื้อตั๋วถูกต้องหรือเปล่า  อย่างนี้นี่เองรถไฟชานเมือง ไอ้เราก็คิดว่าจะตรวจเข้มเหมือนเครื่องบินเสียอีก มโนไปเองทั้งนั้น -*-

1

ตั๋วรถไฟชานเมืองไปเซอกิเยฟ โพสาด

2

ด้านนอกขบวนรถไฟชานเมือง

3

ที่นั่งภายในขบวนรถไฟชานเมือง

            หลังจากที่ขึ้นขบวนรถไฟและได้ที่นั่งแล้ว ตัวผมเองตอนนั้นก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าขบวนรถนี้จะพาผมไปยังเซอกิเยฟ โพสาดอย่างถูกต้องหรือไม่ ว่าแล้วก็ควักเอาตั๋วมาถามคนนั่งข้างๆ ซึ่งเป็นลุงชาวรัสเซียคนหนึ่ง เขาก็พยักหน้าตอบรับเป็นอันเข้าใจตรงกันว่ารถขบวนนี้ไปเซอกิเยฟ โพสาดแน่นอน (ภาษาใบ้ถือเป็นภาษาสากลเหมือนกันนะ เพราะใช้ได้ทุกที่จริง…..คอนเฟิร์ม) หลังจากที่นั่งได้ประมาณ 10 นาทีรถไฟก็เริ่มออกเดินทาง เรียกได้ว่าออกเดินทางตรงตามเวลาที่โชว์บนป้ายหัวขบวนเป๊ะๆ ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่นาทีเดียว ขณะที่รถไฟกำลังวิ่งและเริ่มออกนอกเขตตัวเมือง ผมก็สัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตชาวชนบทในรัสเซียที่มีบ้านอยู่เป็นหลังๆ ความเป็นอยู่ของชาวชนบทนั้นเรียบง่ายสโลว์ไลฟ์กว่าในตัวเมืองมอสโคอย่างกับฟ้ากะเหว ขณะที่ภายในขบวนรถไฟก็เริ่มมีการเดินขายของ ซึ่งไม่ใช่พนักงานรถไฟมาขายอารเครื่องดื่ม แต่เป็นชาวบ้านเองที่นำของมาขายบนรถไฟ (คล้ายกับรถไฟบ้านเราจริงๆ) แต่ของที่เอามาขายนั้นไม่ใช่อาหาร แต่เป็นของใช้ซึ่งมีตั้งแต่ปลั๊กไฟ เสื้อผ้าเด็ก อุปกรณ์ทำสวน อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ ของตกแต่งบ้านชิ้นเล็กๆ ฯลฯ โดยการขายก็อารมณ์เหมือนเอาตะกร้าใส่ของมาแขวนคออยู่ด้านหน้าแล้วเดินขาย พร้อมกับพูดจาโฆษณาเป็นภาษารัสเซีย ดูไปดูมาก็เพลินดี สักพักก็มีพนักงานเดินมาตรวจตั๋วแต่ละคน ซึ่งถ้าใครไม่มีตั๋วก็สามารถจ่ายเงินตรงนั้นเลย แค่บอกว่าจะไปลงไหน (แสดงว่าจริงๆ แล้วอาจจะไม่ต้องซื้อตั๋วก็ได้ แค่มาขึ้นรถแล้วมาจ่ายบนรถก็ได้ แต่คนต่างถิ่นอย่างเราเอาชัวร์ดีกว่า) และเมื่อนั่งมาได้ประมาณชั่วโมงเศษๆ ก็เริ่มเอะใจอีกครั้งว่า “รถไฟที่เรานั่งมามันสุดขบวนที่เซอกิเยฟ โพสาดหรือเปล่าว่ะ หรือแค่เป็นรถผ่าน” ว่าแล้วก็เอาโทรศัพท์มาเปิด Google map เพื่อดูว่าเราอยู่ไหน พร้อมกับเปิด Google Translate เพื่อหาคำว่าเซอกิเยฟ โพสาดเป็นภาษารัสเซียเอาไว้สังเกตป้ายชานชาลาว่าใช่สถานีที่เราควรลงหรือเปล่า และแล้วเห็นว่าสถานีต่อไปนี้เองคือสถานีเซอกิเยฟ โพสาดที่เราควรจะลง (เกือบแล้วมั้ยล่ะ ถ้าไม่เอะใจนั่งเลยแน่ๆ และก็ไม่ได้ศึกษามาก่อนเลยว่าถ้านั่งเลยป้ายจะทำยังไง สงสัยได้ยาวแน่นอน) ว่าแล้วก็สะพายกระเป๋าไปยืนรอที่ประตูทางออกเพื่อเตรียมลงรถไฟในอีกไม่นาน เมื่อขบวนรถจอดที่สถานี สายตาก็กวาดหาป้ายสถานีด้วยความรวดเร็วใช้เวลาประมาณ 0.817 วินาที (จริงเหรอว่ะ) ก็เห็นป้ายเขียนเป็นภาษารัสเซียว่าเซอกิเยฟโพสาด (Сергиев Посад) ตามที่อากู๋บอกไว้ ว่าแล้วก็ไม่รอช้าก้าวเดินลงอย่างมั่นใจ

            เมื่อลงมาแล้วก็เดินดิ่งไปที่ทางออกของสถานีซึ่งเล็กมาก เดินแค่ไม่เกิน 10 ก้าวก็ออกมาด้านนอกแล้ว จากนั้นก็หันซ้ายแลขวาว่าจะไปทางไหนดี แต่ไม่รู้ทำไมอากาศหนาวๆ มันช่างทำให้อัตราเมตาบอลิซึมเราทำงานดีเหลือเกิน พูดง่ายๆ ก็คือหิวนั่นแหละ เวลาตอนนั้นแค่ประมาณ 10 โมงกว่าๆ เอง เมื่อความหิวสะกดสายตาทำให้มองไปด้านขวาของสถานีไกลออกไปประมาณ 300 เมตรนั้นเป็นป้ายร้านแมคโดนัลด์ ว่าแล้วก็เดินดิ่งไปอย่างไปรอช้า เมื่อเข้าไปในร้านชีวิตผมก็มีทางเลือกสองอย่าง อันแรกคือเดินเข้าไปสั่งอาหารโดยตรงกับพนักงานร้าน ซึ่งต้องวัดดวงว่าจะคุยรู้เรื่องมั้ย อีกอย่างคือซื้อผ่านเครื่องขายอัตโนมัติที่มีเมนูภาษาอังกฤษให้เลือกโดยจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตและไปรอรับอาหารได้เลย ผมเลือกตัวเลือกที่สองอย่างไม่ลังเล ไม่เกิน 5 นาทีผมก็ได้นักเกตพร้อมเฟรนฟรายซ์และโค้กมาเติมเต็มส่วนที่ขาดไปง่ายดาย จากนั้นประมาณ 11 โมงผมก็จัดการเปิด Google map เพื่อหาทางไปจุดหมายของเราในวันนี้ก็พบว่าอยู่ห่างออกไปประมาณ 800 เมตร ซึ่งเรียกได้ว่า “Not so bad” อยู่ในระยะที่พอเดินได้ แค่สองรอบสนามฟุตบอลเอง ผมใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีตามเส้นทางที่อากู๋แนะนำก็เห็นยอดโดมสีทองอยู่ไกล ก็มั่นใจว่าใช่แน่นอน ว่าแล้วก็สับเท้าให้เร็วขึ้นเพราะใจไปอยู่ที่ยอดโดมทองนั้นแล้ว เมื่อไปถึงด้านหน้าของเซอกิเยฟโพสาดที่เป็นลานกว้างๆ ด้านขวาเป็นโซนร้านอาหารและร้านของที่ระลึกส่วนด้านซ้ายเป็นรั้วของเซอกิเยฟ โพสาด ความรู้สึกในตอนนั้นเหมือนกำลังไปเที่ยวสวนสนุกยังไงไม่รู้ ทำให้มโนไปเองว่าศาสนสถานมันจะอลังการจริงหรือเปล่า แต่เราต้องไม่ปล่อยให้มโนมาครอบงำความจริง ผมรีบเดินผ่านประตูเข้าไปทันที (ที่นี่เข้าฟรีไม่เสียเงิน) เมื่อผ่านรั้วประตู่เข้าไปแล้ว มโนเมื่อสักครู่หายไปสิ้น เพราะภาพที่เห็นกับตานี่มันคือศาสนสถานในเทพนิยายชัดๆ สวยงามจนแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เพราะภาพที่อยู่ตรงหน้าผมนั้นมันประกอบด้วยโบสถ์ อาราม และทางเดินทอดยาวที่เปรียบเหมือนเมืองโบราณขนาดย่อมๆ ที่ผมมักจินตนาการถึงในวัยเด็กเมื่อได้ยินนิทานอิสปเกี่ยวกับเมืองที่มีอัศวินเป็นเข้าเมือง (น่าจะประมาณนั้นนะ เพราะผมเป็นคนอธิบายเป็นคำพูดไม่เก่งซะด้วย เป็นคนขี้อาย -*-)

4

วิวเซอกิเยฟโพสาดจากระยะไกล

A

ลานกว้างๆ ด้านหน้าเซอกิเยฟโพสาด ที่เห็นเป็นตึกหลังคาแหลมๆ นั้นเป็นร้านอาหารหรูและร้านขายของต่างๆ

          อย่างที่บอกไว้ภายในเซอกิเยฟโพสาดนั้นประกอบด้วยอาราม โบสถ์ วิหาร บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ และศาสนสถานต่างๆ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กันเป็นคล้ายเมืองขนาดย่อม การเที่ยวเซอกิเยฟโพสาดของผมก็ทำโดยการเข้าไปชมภายในทีละแห่งและก็เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ถ่ายเพลินมากเพราะมันสวยจริงๆ จนแบตเตอรี่เหลือน้อยแบบไม่ทันรู้ตัว

5

ป้ายบอกทางภายในบริเวณเซอกิเยฟโพสาด

6

โบสถ์สีชมพูน่ารักๆ ภายในเซอกิเยฟโพสาด

7

วิหารภายในเซอกิเยฟโพสาด

9

นกอ้วน อยู่ๆ ก็บินลงมานั่งด้วยตอนผมนั่งพักเหนื่อยอยู่บนม้านั่งภายในเซอกิเยฟโพสาด

(Hello mate. You’re too fat to be a bird !)

11

เซลฟี่บ้าง เดี๋ยวหาว่ามาไม่ถึงเซอกิเยฟโพสาด

10

บรรยากาศทางเดินภายในเซอกิเยฟโพสาด ที่ดูแสนจะเงียบสงบ

B

โบสถ์และวิหารทรงหัวหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของรัสเซีย สามารถเห็นได้ที่เซอกิเยฟโพสาดเช่นกัน

          มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมเดินเข้าไปในวิหารน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ (น่าจะประมาณนั้น) ที่มีน้ำมนต์ไหลออกมาจากท่อที่ทำเป็นรูปไม้กางเขนให้คนได้นำขวดหรือภาชนะมารองรับกลับบ้าน ผมก็เหลือบไปเห็นลุงคนนึงน่าตาละม้ายคล้ายคนดังอย่าง “วลาดิเมียร์ ปูติน” ประธานาธิบดีของรัสเซียคนปัจจุบัน แบบว่าหน้าลุงแกคล้ายมากๆ เป็นเรื่องขำๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมเจอระหว่างการเดินทางเพิ่มสีสันให้กับทริปนี้

8

ลุงหน้าคล้ายปูตินกำลังเอาน้ำมนต์ไปปลุกเสกที่บ้าน 🙂

C

บ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เล่นเอาผมอธิษฐานไปหลายอย่างเลย

D

เชิงเทียนภายในวิหารที่ผู้ศรัทธานำเที่ยนมาประดับไว้

         ผมอยู่เดินเที่ยวอยู่ในบริเวณเซอกิเบฟโพสาดจนถึงประมาณบ่ายสามโมงก็กลับออกมา เพื่อจะเดินไปสถานีรถไฟเข้ามอสโคว ระหว่างทางเดินกลับก็ขอแวะเข้าไปดูในบริเวณเมืองซากอสค์สักหน่อยเพาะอยู่ติดกับเซอกิเยฟ โพสาด พอดีเพื่อที่จะดูว่าการเป็นอยู่ของคนที่นี่เป็นยังไง ซึ่งจากที่เห็นก็คือเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ อยู่กันแบบง่ายๆ ดูแล้วไม่ค่อยมีใครเร่งรีบเท่าคนในมอสโคว ก็ทำให้ภาพที่เห็นนั้นมีความสุขไปอีกแบบ ทำให้อิ่มอกอิ่มใจพร้อมที่จะกลับมอสโควแบบไม่มีอะไรคาใจ

12

ภาพบรรยากาศถนนในตัวเมืองเล็กๆ อย่างซากอสค์

13

บ่อน้ำเล็กๆ ข้างเซอกิเยฟโพสาด

14

รูปปั้นหน้าสถานีรถไฟเซอกิเยฟโพสาด ดูแล้วสง่าดี ชอบเป็นการส่วนตัว

         เมื่อเดินมาถึงสถานีรถไฟก็ไปซื้อตั๋วทันที โดยแค่บอกพนักงานว่า “มัส-ควา” เพราะคนรัสเซียไม่เรียกว่ามอสโคว (Moscow = มัส-ควา ส่วน Saint Petersburg = ซังค์ ปีเตอร์สบูร์ก) ก็ได้ตั๋วแบบเดิมมา นั่นคือ ราคาเท่าเดิม 152 รูเบิล ไม่เวลารถ ไม่บอกที่นั่ง ไม่บอกขบวน ซึ่งก็หมายความว่าถ้าขบวนไหนจอดก็ขึ้นเลย แต่ต้องขึ้นให้ถูกนะ ต้องนั่งขบวนที่มุ่งเข้า มอสโคว ไม่งั้นไปโผล่ไหนไม่รู้นะจะบอกให้ เมื่อได้ตั๋วมาผมก็ยังไม่ทันได้นั่ง ก็มีเสียงประกาศที่ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะเป็นภาษารัสเซีย (ไม่มีประกาศภาษาอังกฤษนะ) เมื่อประกาศจบผู้คนก็ยืนขึ้นและเดินไปชานชาลาทันที แสดงว่ารถไฟกำลังมาเทียบท่าแน่นอน แต่ตอนนั้นผมไม่มั่นใจว่าขบวนที่กำลังมามุ่งเข้ามอสโควหรือไม่ ก็ใช้ภาษาใบ้เหมือนเดิมคือ เอาตั๋วไปถามคนข้างๆ พร้อมกับชี้นิ้วให้ดู เขาก็พยักหน้า เป็นอันว่าขบวนนี้เข้ามอสโควแน่นอน ก็จัดการขนตัวเองไปที่ชานชาลาตามครรลองครองธรรม เมื่อขึ้นไปนั่งแล้วก็เหมือนเดิมมีการขายของและมีพนักงานมาตรวจตั๋วบนรถ แต่ไม่ต้องร้อนใจว่าจะนั่งเลย เพราะทุกขบวนไปสุดสายที่มอสโควอยู่แล้วใช้เวลาจากเซอกิเยฟโพสาดประมาณชั่วโมงครึ่ง

         เมื่อขบวนรถมาสุดที่มอสโควผมก็เดินลงจากรถเพื่อจะไปต่อเมโทรไปเดินเล่นถนนอารบัต (Arbat) แต่เมื่อเอามือล้วงกระเป๋าหลังกางเกงเพื่อควักเอาแผนที่เมโทรที่พิมพ์ไว้มาดูก็รู้ว่ามันบ๋อแบ๋หายไปแล้ว พร้อมกับเงินประมาณ 1000 รูเบิลที่ผมยัดเอาไว้เพื่อให้หยิบง่ายๆ ซึ่งหมายความว่าผมโดนล้วงกระเป๋าไปแน่ๆ จึงรีบสำรวจตัวเองอย่างเร็วว่าอะไรหายไปบ้าง เน้นไปที่กระเป๋าเงินกับโทรศัพท์และกระเป๋าเป้ ก็รู้สึกครบทุกอย่าง คิดซะว่าเคราะห์ดีหายไปแค่นั้น ส่วนสำคัญยีงอยู่ครบ จึงจัดการโหลดภาพแผนที่เมโทรมาเก็บไว้ในโทรศัพท์เพื่อดูแทนแผนที่กระดาษที่หายไป และเดินทางไปถนนอารบัตในบัดดล

         โดยจากสถานีรถไฟยาโรลาฟสกี้ผมนั่งเมโทรสายสีแดงเหมือนเมื่อตอนเช้าออกไป 5 สถานีเพื่อไปลงที่สถานี Biblioteka Imeni Lenina (библиотека имени ленина) แต่ไม่ได้เดินออกที่สถานีนี้ ผมเดินไปหาสถานี Arbatskaya (Арбатская) สายที่ 4 (สีฟ้า) ที่เชื่อมต่อกับสถานีนี้อยู่ แล้วออกทางออกของสถานี Arbatskaya ไม่อย่างนั้นต้องเดินขาลากไปถนนอารบัตแน่นอน เมื่อออกมาได้แล้วก็เดินข้ามถนนใหญ่ตรงทางข้ามที่ลอดผ่านอุโมงค์สี่แยกสำหรับรถวิ่งก็จะถึงถนนอารบัต
ถนนอารบัตมีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นแหล่งศูนย์รวมของร้านอาหาร ของฝาก และบาร์ต่างๆ คล้ายกับถนนข้าวสารหรือถนนสีลมของบ้านเรา ที่ถนนอารบัตแห่งนี้เราจะเจอร้านอาหาร บาร์ และร้านของฝากตั้งอยู่เรียงรายสองฝั่งถนน แต่ส่วนมากเป็นร้านอาหารที่ราคาค่อนข้างแพงแต่ก็น่าเข้าไปลองหากมีโอกาส ส่วนของฝากนั้น บอกตามตรงว่าขึ้นอยู่กับทักษะการต่อรองราคากับคนขาย ควรเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ ร้านประกอบการตัดสินใจหากต้องการซื้อ (อารมณ์เหมือนชาวต่างชาติมาซื้อของฝากตามแหล่งท่องเที่ยวบ้านเรานั่นแหละ) แต่ผมไม่ได้ซื้อของฝากที่นี่เลยเพราะแพงจริงๆ และผมมีแหล่งซื้อในใจอยู่แล้ว จึงแค่เน้นมาเดินดูและเก็บภาพตามประสาแบ็คแพ็คเกอร์เบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างเรา

E

15

บรรยากาศยามค่ำคืนของถนนอารบัต

16

ร้านอาหารสไตล์แปลกที่เคยเป็นข่าวดัง ใครสนใจก็มาลองได้ ส่วนผมขอผ่านครับ

          ผมเดินอยู่ถนนอารบัตไม่นานนักก็รู้สึกว่าควรได้เวลากลับแล้ว เพราะขาเริ่มปวดแล้ว (ไม่ได้แก่นะ แค่วันนี้เดินเยอะเฉยๆ :-)) พร้อมกับเสียความรู้สึกเล็กๆ ที่โดนล้วงกระเป๋าไป ก็ขอกลับไปพักผ่อนเอาแรงเพื่อลุยวันพรุ่งนี้ต่อดีกว่า ว่าแล้วก็นั่งเมโทรกลับโรงแรมพร้อมกับความรู้สึกเลเวลอัพไปอีกขั้น ที่ได้มาสัมผัสถึงทั้งเรื่องดีๆ และเรื่องไม่ดีในต่างแดนอย่างรัสเซีย เพราะสิ่งเหล่านี้โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่งประสบการณ์จากการทำงาน ไม่สามารถสอนเราได้อย่างแน่นอน คืนนี้เป็นอีกคืนที่นอนหลับสนิทแบบไม่ฝัน และรู้สึกว่าตัวผมเองหลับไปยิ้มไปอย่างมีความสุขอีกวัน

::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

 

SHIPY SIWARIT TIASUWATTISETH : เขียน

https://www.facebook.com/shipyshipdotcom

Advertisement

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.