รัสเซียติดอยู่ในหนึ่งประเทศที่ค่าครองชีพสูงที่สุดประเทศหนึ่งของโลก โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่างมอสโควและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่ค่าอาหารตามร้านอาหารทั่วไปนั้นโหดเอาเรื่อง การเข้าไปรับประทานอาหารตามร้านอาหารบางครั้งอาจต้องเตรียมค่าใช้จ่ายอย่างน้อยมื้อละ 1,000 รูเบิลต่อคน (ประมาณ 600 บาท) ซึ่งการกินแบบนี้ทุกมื้อคงไม่ค่อยเป็นมิตรกับการเที่ยวรัสเซียแบบแบ็คแพ็คเท่าไรนัก แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีแหล่งที่นักท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็คเข้าไปฝากท้องได้ และบวกกับค่าเงินรูเบิลที่อ่อนลงอย่างมากก็เป็นตัวเสริมช่วยทำให้ราคาค่ากินอยู่ที่รัสเซียสำหรับชาวต่างชาตินั้นถูกลงไปอีก โดยแหล่งการกินที่ราคาไม่สูงนักและแนะนำสำหรับแบ็คแพ็คเกอร์เลยก็มีดังนี้
1. ร้านขายอาหารและร้านกาแฟแบบถือกลับ (Kiosk)
สามารถพบได้ทั่วไปตามข้างถนนภายในตัวเมือง แหล่งชุมชน ตามบริเวณสถานที่ท่องเที่ยว หรือตามสถานนีเมโทรบางสถานี ลักษณะเป็นตู้กระจกสี่เหลี่ยมมีสินค้าหรือรูปสินค้าวางแสดงไว้ หรือบางร้านอาจจะเปิดเป็นร้านเล็กๆ อยู่ตามห้องแถวหรือชั้นแรกของอาคาร มีที่นั่งรับประทานไม่เกิน 10 ที่นั่ง โดยร้านอาหารประเภทนี้จะเน้นจำหน่ายอาหารแบบง่ายๆ ที่สามารถถือกลับบ้านหรือเดินรับประทานได้ เช่นขนมปังชนิดต่างๆ อาหารจีนแบบใส่ถ้วยกระดาษ พิซซ่า เบอร์เกอร์ ฮอตดอก เคบับ กาแฟ เป็นต้น โดยราคานั้นเรียกได้ว่าถูกมากโดยเฉพาะพวกขนมปังที่ราคาถูกกว่าประเทศไทยเสียอีก มีหลากหลายชนิดให้เลือก และชิ้นใหญ่มาก สำหรับคอกาแฟนั้นหมดห่วงได้เลย เพราะร้านอาหารประเภทนี้มีกาแฟขายเกือบทุกร้าน ชนิดที่ว่าถ้าอยากดื่มกาแฟเพียงแค่คุณหันซ้ายหรือหันขวาคุณจะต้องเจอร้านกาแฟแบบ Kiosk อย่างน้อยหนึ่งร้านแน่นอน โดยราคาต่อมื้อสำหรับร้านอาหารประเภทนี้อยู่ที่ประมาณ 200 – 350 รูเบิล (120 – 210 บาท) ซึ่งราคานี้สามารถซื้ออาหารหลักได้ 1 – 2 ชิ้น พร้อมกับกาแฟ 1 แก้ว แต่ข้อเสียของร้านอาหารประเภทนี้คือคนขายไม่พูดภาษาอังกฤษ เราต้องใช้วิธีชี้นิ้วไปที่รูปในเมนูหรือสินค้าที่แสดงอยู่ในการเลือกอาหารแทน ส่วนกาแฟสามารถสั่งได้เลยว่าจะเอาแบบใด เช่น ลาเต้ มอคค่า หรือคาปูชิโน คนรัสเซียส่วนมากเข้าใจชนิดของกาแฟ และที่สำคัญร้านประเภทนี้รับเฉพาะเงินสดเท่านั้น
2. ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆ
ในรัสเซียนั้นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ของฝั่งอเมริกาเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยมี 4 แบรนด์หลักๆ คือ เคเอฟซี (KFC) แมคโดนัลด์ (McDonald) เบอร์เกอร์คิง (Burger King) และซับเวย์ (Subway) เราสามารถหาร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเหล่านี้ได้ทั่วไปตามตัวเมืองหรือตามโซนร้านอาหารภายในห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวมถึงบริเวณสนามบินและสถานีรถไฟ เมนูอาหารก็เป็นแบบที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น ไก่ทอด เบอร์เกอร์ เฟรนฟรายซ์ แซนด์วิช ฯลฯ การสั่งอาหารนั้นสามารถทำได้ 2 วิธีคือการสั่งที่เคาน์เตอร์กับพนักงานโดยตรงที่รับทั้งเงินสดและบัตรเครดิต หรือการกดสั่งอาหารที่ตู้รับออเดอร์อัตโนมัติที่มีเมนูภาษาอังกฤษไว้บริการที่ภายในร้านแล้วชำระเงินโดยบัตรเครดิต จากนั้นก็นำใบเสร็จที่ได้จากตู้ไปรอรับอาหารที่เคาน์เตอร์ ซึ่งวิธีหลังนี้ค่อนข้างง่าย รวดเร็ว และสะดวก ราคาค่าอาหารต่อมื้อสำหรับการรับประทานในร้านฟาสต์ฟู้ดนั้นอยู่ที่ประมาณ 300 – 400 รูเบิล (ประมาณ 180 – 240 บาท)
3. ร้าน Teremok (Теремок)
Teremok (เทเรม็อค) เป็นแบรนด์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแบบฉบับรัสเซียขนานแท้ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแข่งกับฟาสต์ฟู้ดของต่างชาติและค่อนข้างประสบความสำเร็จ มีสาขาอยู่มากกว่า 174 สาขาในมอสโควและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งขนาดของร้านก็แตกต่างกันไปตั้งแต่เป็นซุ้มขายแบบถือกลับ (Kiosk) จนถึงเป็นร้านขนาดใหญ่มีที่นั่ง หรือเป็นร้านอยู่ตามห้างสรรพสินค้า อาหารที่เป็นจุดเด่นของร้านนี้คือเครปสอดไส้สไตล์รัสเซีย (Blini) ที่ให้เลือกหลากหลายรายการทั้งแบบที่เป็นอาหารหลักและเป็นแบบของหวาน นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ ให้เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าอีกด้วย เช่น ข้าวโอ๊ตทรงเครื่อง (Porridge) ซุปต่างๆ สลัด และขนมหวาน ทางร้านมีเมนูภาษาอังกฤษให้สำหรับลูกค้าชาวต่างชาติ ราคาค่าอาหารอยู่ที่ชุดละประมาณ 300 – 450 รูเบิล (ประมาณ 180 – 270 บาท)
เคาน์เตอร์สั่งอาหารของร้าน Teremok
เครปไส้เบคอนครีมชีสและซุปแซลมอนของร้าน Teremok
4. ซื้ออาหารจากซุปเปอร์มาร์เกต
ซุปเปอร์มาร์เกตในเมืองใหญ่อย่างมอสโควและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนั้นมีอยู่มากมายทั้งที่อยู่ตามมุมตึก ตามสถานีรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า และในแหล่งชุมชน โดยซุปเปอร์มาร์เกตเหล่านี้จำหน่ายทั้งอาหารสำเร็จรูปอาหารสด ผลไม้และอาหารพร้อมปรุงที่มีให้เลือกมากมาย ซึ่งหากเราพักในโรงแรมหรือโฮลเทลที่มีตู้เย็น ไมโครเวฟ และอุปกรณ์เครื่องครัวให้แล้ว การซื้ออาหารพร้อมปรุงง่ายๆ มาทำรับประทานเองนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก อีกทั้งการซื้ออาหารจากซุปเปอร์มาร์เกตมาปรุงเองนั้นสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ ซึ่งค่าอาหารต่อมื้ออาจจะตกอยู่แค่ประมาณ 150 – 250 รูเบิล (90 – 150 บาท) เท่านั้น
ซึ่งจากตัวเลือกอาหารขากร้านค้าทั้ง 4 ประเภทนี้หากเราสลับกันรับประทานระหว่างอาหารตามร้านกับอาหารราคาประหยัด และในหมวดหมู่อาหารราคาประหยัดด้วยกันเราก็สลับไปเรื่อยๆ เช่นมื้อเช้าอาจจะรับประทานอาหารจากซุปเปอร์มาร์เกตที่ซื้อเตรียมเอาไว้ มื้อกลางวันก็เป็นอาหารฟาสต์ฟู้ด ส่วนมื้อเย็นก็เปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งดื่มด่ำในร้านอาหาร รับประกันได้เลยว่าตลอดเวลาที่ไปเที่ยวรัสเซียนั้นไม่มีคำว่าเบื่ออาหารแน่นอน อีกทั้งยังสามารถช่วยเราควบคุมค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวได้อีกด้วย
Shipy-Ship 