7 เหตุผลว่า…ทำไมตอนนี้ถึงเหมาะไปเยือนรัสเซีย

          เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยหรือเกิดคำถามในใจก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางไปเยือนรัสเซียว่า “ทำไมถึงต้องเที่ยวรัสเซีย” ที่นั่นมีอะไรน่าสนใจหรือน่าค้นหาบ้าง ซึ่งก็ไม่เว้นแม้แต่ตัวผมเอง เพราะก่อนจะตัดสินใจไปเที่ยวรัสเซีย (หรือแม้กระทั่งกลับมาแล้วก็ตาม) ก็มีคนถามคำถามกับผมหลายคำถามมาก อย่างเช่น

“คิดยังไงไปเที่ยวรัสเซีย มีอะไรเป็นแรงบันดาลใจ”

“รัสเซียปลอดภัยมั้ย การเดินทางสะดวกหรือไม่”

“อะไรคือสิ่งที่น่าสนใจของรัสเซีย ไปแล้วได้อะไรกลับมาบ้าง”

“ค่าใช้จ่ายที่นั่นเป็นยังไง ค่าครองชีพสูงมั้ย”

“ไม่ค่อยเห็นคนไทยไปเที่ยวรัสเซียเท่าไหร่เลย ที่นั่นจะสวยงามถูกใจจริงเหรอ”

“ได้ยินบ่อยๆ ว่าคนรัสเซียอัธยาศัยไม่ดี จะเที่ยวสนุกหรือเปล่า”

 

          ซึ่งถ้าพิจารณาคำถามเหล่านี้แล้ว จะพบว่ามันเชื่อมโยงไปสู่เหตุผลในการไปเยือนรัสเซียของผมแทบทั้งสิ้น เพราะก่อนที่ผมจะตกลงปลงใจใช้วันหยุดพักร้อนของมนุษย์เงินเดือนสามัญชนไปกับดินแดนหมีขาวนั้น ผมก็ศึกษาข้อมูลและทำการบ้านเยอะพอสมควร จนพอที่จะสรุปเหตุผลที่จะไปเยือนรัสเซียได้ดังนี้

 

1. วัฒนธรรมของรัสเซียที่เป็นเอกลักษณ์

        เนื่องด้วยประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่มีศาสนาคริสต์นิกายออธอดอกซ์ (Orthodox Christianity) เป็นศาสนาประจำชาติ ประชากรมากกว่า 75% นับถือศาสนาคริสต์นิกายนี้ ซึ่งถ้าหากพิจารณาประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับศาสนาคริสต์นิกายออรธอดอกซ์แล้ว จะพบว่ามีเพียงบริเวณยุโรปตะวันออกเท่านั้น ซึ่งในยุโรปตะวันออกนั้นประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุด ดังนั้นศาสนสถานหรือสถานที่สำคัญที่ถูกออกแบบตามหลักความเชื่อของชาวออธอดอกซ์ผนวกกับระบอบการปกครองของรัสเซียในอดีตที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และกษัตริย์รวมถึงพระราชวงศ์แต่ละพระองค์ก็ย่อมต้องการประกาศศักดาและความเกรียงไกรของจักรวรรดิรัสเซีย ทำให้สิ่งปลูกสร้างทางศาสนาหรือพระราชวังต่างๆ นั้นงดงามและอลังการงานสร้างแบบสุดๆ ซึ่งจะเห็นได้จากหลายสถานที่ในรัสเซียนั้นได้ถูกประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลก (World Heritage) โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) และด้วยมีประเทศไม่กี่ประเทศที่เป็นออธอดอกซ์จึงทำให้รัสเซียมีความเป็นเอกลักษณ์ชนิดที่โดดเด่นมากขึ้นไปอีก ทำให้เกิดความอยากรู้และความกระตือรือร้นอยากจะไปพิสูจน์ว่ามันจะอลังการและมหัศจรรย์สมคำร่ำลือสักแค่ไหน

IMG_1495

2. ความน่าค้นหาของคำว่า “ดินแดนหลังม่านเหล็ก”

     รัสเซียผ่านยุคสมัยและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มามากมายตั้งแต่สมัยจักรวรรดินิยมที่กษัตริย์เป็นประมุข จากนั้นระบอบกษัตริย์ก็ถูกล้มล้างโดยระบอบคอมมิวนิสต์ จนเข้าสู่ยุคสงครามเย็น และจบลงด้วยการล่มสลายของสหภาพโซเวียตจนมาเป็นสหพันธรัฐรัสเซียในปัจจุบัน ผู้คนในประเทศนี้ผ่านเหตุการณ์และความแปรผันอันบ้าคลั่งมาหลายต่อหลายครั้ง แต่พวกเขาก็ยังคงยืดหยัดเป็นหนึ่งประเทศมหาอำนาจของโลกได้อย่างสง่างามตลอดมาในตลอดระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงนับพันกว่าปีที่ผ่านมา แทบจะเรียกได้ว่ารัสเซียนั้นได้ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกมาโดยตลอด จนได้รับสมญานามว่า “ดินแดนหลังม่านเหล็ก” ดินแดนที่หลายต่อหลายคนยากที่จะเข้าถึงและสามารถมองเห็นฉากหลังของแผ่นม่านอันหนาแน่นและแข็งแกร่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเพื่อปกปิดตัวตนไว้ และเมื่อประมาณแค่ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้เองที่รัสเซียได้เปิดแผ่นม่านนั้นออกมาแสดงตัวตนสู่โลกภายนอกด้วยการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนอย่างเป็นทางการ นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาโลกก็ได้พบเห็นถึงอารยธรรมและความงดงามของดินแดนที่ถูกปกปิดเอาไว้มาแสนนาน ดินแดนที่วัฒนธรรมถูกแช่แข็งเอาไว้ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงหลายยุคหลายสมัยจนกระทั่งบ่มเพาะออกมาเป็นงานศิลปะที่สวยงามเกินกว่าจะบรรยายได้ จึงไม่แปลกที่เรื่องราวเหล่านี้จะไปกระตุ้นต่อมอยากของผู้หลงใหลในการเดินทางและการท่องเที่ยวให้เดินทางไปพิสูจน์ความงดงามเหล่านี้ด้วยตาของตนเอง

 

IMG_1839

3. พาสปอร์ตไทยสามารถเข้ารัสเซียได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า !

         ประเทศรัสเซียขึ้นชื่อว่าเข้มงวดในการอนุญาตวีซ่าให้กับพาสปอร์ตต่างชาติมากที่สุดประเทศหนึ่งก็ว่าได้ ด้วยเพราะความที่รัฐบาลรัสเซียค่อนข้างระมัดระวังตัวในเรื่องการอนุญาตการมาเยือนของแขกต่างถิ่น ทำให้การยื่นขอวีซ่ารัสเซียนั้นต้องใช้เอกสารและหลักฐานต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นหนังสือเชิญที่ออกโดยคนที่เราจะไปหาในรัสเซียโดยได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลรัสเซีย เอกสารทางด้านที่พักและการเดินทาง และใบรับรองทางสุขภาพของผู้เดินทาง (รวมถึงผลการตรวจเชื้อ HIV ด้วย) ซึ่งล้วนแล้วไม่ได้มาง่ายๆ ทั้งนั้น แต่พาสปอร์ตไทยของเรานั้นไม่ต้องดำเนินการทางด้านวีซ่าให้วุ่นวาย เนื่องด้วยไทยกับรัสเซียนั้นได้มีข้อตกลงร่วมกันและเงื่อนไขการละเว้นการตรวจลงตรา (VISA) ระหว่างสองประเทศ หากมีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน กล่าวคือคนไทยไปรัสเซียไม่ต้องใช้วีซ่า และคนรัสเซียมาไทยก็ไม่ต้องขอวีซ่าเช่นเดียวกัน (แต่ถ้าเราอยู่รัสเซียนานเกิน 7 วันจะต้องให้ทางโรงแรมหรือเจ้าบ้านที่รัสเซียทำ Register หรือ VISA support ให้ด้วย มิฉะนั้นจะโดนปรับตอนขาออก) ซึ่งมีไม่กี่ประเทศที่ได้สิทธินี้กับการเข้าประเทศรัสเซีย แม้กระทั่งพาสปอร์ตที่ทรงอำนาจสุดๆ อย่างพาสปอร์ตของชาวอเมริกันหรือชาวยุโรป ที่สามารถไปได้แทบทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า ก็ยังต้องดำเนินการขอวีซ่าให้เรียบร้อยก่อนเดินทางเข้าประเทศรัสเซีย เรียกได้ว่าพี่หมีขาวเขาอยากเป็นมิตรกับเราอย่างมากถึงขนาดยอมให้เราเข้าประเทศเขาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งโอกาสอย่างนี้ไม่ได้มีง่ายๆ สำหรับประเทศที่ค่อนข้างระแวดระวังการเข้ามาของคนต่างชาติอย่างรัสเซีย

Russia Immrigatin stamp

 

          4. ค่าเงินรูเบิล (RUBLE) ของรัสเซียอ่อนตัวลงอย่างมาก

          ในช่วงตั้งแต่ปี 2013 – 2015 ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนค่าลงมาเกือบ 100% หรือเกือบสองเท่าตัวเมื่อเทียบกับเงินบาทของไทย คือเมื่อต้นปี ค.ศ. 2013 นั้น 1 รูเบิลสามารถแลกเงินบาทได้ประมาณ 1 บาท แต่เมื่อประมาณกลางปี ค.ศ. 2015 ที่ผ่านมา 1 รูเบิลสามารถแลกเงินบาทได้เพียง 0.55 บาทเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเงินบาทของเรามีค่ามากขึ้นเกือบ 2 เท่าที่รัสเซีย แสดงว่าเราสามารถซื้อสินค้า บริการ ค่าเข้าชมสถานที่ ค่าโรงแรม ค่าเดินทางภายในประเทศ หรือค่าอื่นๆ ที่จ่ายเป็นเงินรูเบิลได้ถูกลงเกือบ 2 เท่า เช่นหากเราต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ด้วยค่าเข้าชม 500 รูเบิล ถ้าเราไปในปี 2013 เราต้องจ่ายประมาณ 500 บาทหากคิดเทียบเป็นเงินบาท แต่หากเราไปในปี 2015 เราจะจ่ายเทียบเท่าเงินบาทประมาณแค่ 275 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าประหยัดไปได้เยอะมากทั้งสำหรับนักเดินทางแบบหรูหราหรือแบบแบ็คแพ็ค สถานการณ์การอ่อนตัวของค่าเงินรูเบิลของรัสเซียนั้นเกิดมาจากการที่รัฐบาลรัสเซียมีปัญหาข้อพิพาททางเศรษฐกิจกับชาติตะวันตกอย่างสหภาพยุโรปและอเมริกาที่มีสาเหตุจากปัจจัยซับซ้อนหลายด้านและยังคงหาทางออกร่วมกันไม่ได้ ซึ่งคาดว่าสถานการณ์จะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกเป็นปีหรืออาจจะหลายปี ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะพลาดโอกาสทองในการไปเยือนรัสเซียด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงจากปัจจัยของค่าเงินตามที่กล่าวมา

 

rubl_16

5. สภาพอากาศและอุณหภูมิของรัสเซียที่เย็นสบายตลอดทั้งปี

          ด้วยฉายาของประเทศรัสเซียที่ได้ชื่อ “ดินแดนหมีขาว” ก็สามารถบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเป็นประเทศเมืองหนาว เพราะไม่อย่างนั้นหมีขาวคงอยู่ไม่ได้แน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ว่ารัสเซียจะหนาวเย็นแบบหิมะตกตลอดทั้งปี รัสเซียเองก็มีฤดูการที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวด้วยเหมือนกัน คือช่วงประมาณเดือนมีนาคมถึงตุลาคม โดยช่วงที่เป็นฤดูท่องเที่ยวหรือ HIGH SEASON ของรัสเซียคือช่วงฤดูร้อน ประมาณช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน โดยในช่วงฤดูร้อนนี้ต้นไม้หรือพืชพรรณสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะผลิใบเขียวขจีสวยงามเป็นอย่างมาก รวมถึงบางสถานที่ที่มีน้ำพุจะมีการเปิดน้ำพุพร้อมบรรเลงดนตรีเป็นที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างมาก แต่ถึงแม้ขึ้นชื่อว่าฤดูร้อนแต่อากาศไม่ได้ร้อนแบบประเทศไทยบ้านเรา โดยฤดูร้อนของรัสเซียนั้นจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10 ถึง 20 °C เท่านั้น เรียกได้ว่าอากาศกำลังสบายเหมือนฤดูหนาวในบ้านเรา
ส่วนช่วงต้นและปลายฤดูหนาวของรัสเซียนั้นก็ไม่ได้แสดงว่าไม่น่าเที่ยวเสียทีเดียว กล่าวคือในช่วงต้นฤดูหนาว (ปลายเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน) และช่วงปลายฤดูหนาว (เดือนมีนาคมและต้นเดือนเมษายน) นั้นถึงแม้ว่าจะไม่มีความเขียวขจีของต้นไม้และพืชพรรณตามสถานที่ท่องเที่ยว แต่ก็จะมีหิมะตกเบาๆ มาแทนที่ความเขียวขจีนั้น สถานที่ท่องเที่ยวและทางเดินเท้าจะถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวบางๆ ซึ่งจะช่วยขับสีสันของสถานที่และวิวทิวทัศน์บริเวณนั้นให้โดดเด่นขึ้นมา และสีขาวของหิมะบางๆ ที่ปกคลุมบนทางเดินเท้านั้นทำให้บรรยากาศสุดแสนที่จะโรแมนติกแบบสุดๆ ชนิดที่สามารถนำไปแข่งกับฉากสวยๆ ในภาพยนตร์แนวโรแมนติกได้อย่างสูสีเลยทีเดียว นอกจากนี้อุณหภูมิในช่วงต้นและปลายฤดูหนาวของรัสเซียจะอยู่ที่ประมาณ -5 ถึง 5 °C ซึ่งก็ไม่ได้หนาวเกินไปจนอยู่ไม่ได้สำหรับคนไทยอย่างเรา ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัสเซียเหมาะที่จะเที่ยวได้แทบตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเที่ยวในช่วงฤดูร้อนที่บรรยากาศสดใสหรือช่วงฤดูหนาวที่บรรยากาศแสนจะโรแมนติกอุณหภูมิและสภาพอากาศของรัสเซียนั้นถูกใจคนไทยอย่างเราแน่นอน

IMG_1514

6. การเดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมและราคาถูก

          รัสเซียได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีที่สุดประเทศหนึ่งของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่อย่างมอสโควและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่มีระบบรถไฟฟ้าใต้ดินหรือเมโทร (METRO) ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ในเขตเมือง เรียกได้ว่าอาศัยเพียงแค่การโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินของสองเมืองนี้ก็สามารถเที่ยวสถานที่สำคัญได้เกือบทุกที่ จะมีแค่บางสถานที่เท่านั้นที่ต้องต่อรถออกไปอีกเล็กน้อย ทำให้หมดปัญหาเรื่องวิธีการการเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งแตกต่างกับบางประเทศที่ระบบขนส่งมวลชนยังไม่ครอบคลุม ทำให้ต้องใช้วิธีอื่นๆ เช่น การใช้บริการรถแท็กซี่ ซึ่งมีราคาแพงและอาจจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับคนขับกรณีพูดกันคนละภาษา ยิ่งกว่านั้นเมโทรในมอสโควและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนั้นมีค่าโดยสารที่ถูกมาก คือเที่ยวละ 50 รูเบิลสำหรับมอสโควและเที่ยวละ 30 รูเบิลสำหรับในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และถ้าหากซื้อตั๋วเหมาเป็นจำนวนหลายเที่ยวก็จะได้ราคาต่อเที่ยวที่ถูกลงไปอีก
นอกจากนี้รัสเซียยังมีรถไฟความเร็วสูง (SAPSAN) รถไฟระหว่างเมือง (RED ARROW TRAIN) และรถไฟท้องถิ่น (SUB-URBAN TRAIN) ที่ให้บริการครอบคลุมไปทั่วแทบทุกพื้นที่ของประเทศรัสเซีย มีประเภทรถไฟให้เลือกใช้บริการมากมาย และมีชั้นโดยสารหลายระดับให้เลือกได้ตามความต้องการ ทำให้ระบบขนส่งทางรางของรัสเซียมีความสะดวกเป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากขบวนรถไฟที่ยาวที่สุดในโลกก็อยู่ที่รัสเซีย ที่เรารู้จักกันในชื่อของทรานไซบีเรีย (TRAN – SIBERIA) เป็นการตอกย้ำถึงความสมบูรณ์แบบของการเดินทางโดยรถไฟในรัสเซีย และที่สำคัญรถไฟโดยสารของรัสเซียตรงต่อเวลามาก เรียกได้ว่าเวลาออกสถานีต้นทาง เวลาที่หยุดสถานีระหว่างทาง (ถ้ามี) และเวลาถึงสถานีปลายทางนั้นตรงตามตารางเวลาที่แสดงไว้ตอนซื้อตั๋วทุกประการ
ดังนั้นหากเราวางแผนและศึกษาการเดินทางโดยระบบรางภายในประเทศรัสเซียก่อนที่จะไปเยือนจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวของเราสะดวกขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น และตัดปัญหาเรื่องการสื่อสารกับคนท้องถิ่นได้เป็นเป็นอย่างดี

Led metro

 

7. รัสเซียขึ้นชื่อว่า “สาวสวย (มาก)”

          เรื่องนี้คิดว่าหลายคนก็คงเคยได้ยินกิตติศัพท์ของรัสเซียมาเหมือนกัน ดังจะเห็นได้จากหลายวงการมีสาวสวยรัสเซียรวมอยู่ด้วย เช่น วงการนางงาม วงการนางแบบ วงการกีฬา หรือนักแสดงฮอลลีวู้ด นั่นอาจจะเป็นเพราะหน้าตาของสาวรัสเซียที่ได้รูป ดวงตาของพวกเธอที่คมสวย และผิวพรรณที่แลดูสดใส ทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นเอกลักษณ์ของสาวรัสเซีย (รวมทั้งสาวยุโรปตะวันออก) ที่ต่างจากสาวชาติตะวันตกอื่นๆ ซึ่งเมื่อไปเจอกับของจริงและสถานที่จริงแล้ว ต้องบอกเลยว่า “ไม่ต่างกับที่กล่าวไว้แม้แต่น้อย” แต่หลายคนอาจจะโต้แย้งมาว่าสาวรัสเซียถึงแม้จะสวยแต่มีข้อเสียตรงที่พวกเธอหน้าตาไม่ยิ้มแย้มและดูไม่มีมนุษย์สัมพันธ์เอาเสียเลย เรื่องนี้ต้องบอกว่า “เป็นเรื่องจริง” แต่ถึงแม้ภายนอกจะดูหน้าตาไม่ค่อยรับแขกเท่าไหร่ แต่ถ้าเรามีปัญหาและเดินเข้าไปถามพวกเธอ เช่นเมื่อหาทางออกจากสถานีเมโทรไม่เจอ พวกเธอก็ช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่ถึงแม้ว่าจะสื่อสารพูดคุยกันไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่เธอก็จะพยายามทำท่าทางหรือชี้ทางจนเราสามารถออกไปจนได้ แสดงว่าที่เราเห็นพวกเธอไม่ยิ้มนั้นเป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วพวกเธอออกจะใจดีด้วยซ้ำ
ถึงตรงนี้สาวไทยที่อยากไปเที่ยวรัสเซียหลายคนอาจจะถามว่า “รัสเซียมีแต่สาวสวย แล้วไม่มีหนุ่มหล่อบ้างเลยเหรอ” อันนี้ก็ต้องขอตอบว่าหนุ่มรัสเซียส่วนมากก็หน้าตาดีไม่แพ้สาวรัสเซีย ด้วยความที่หนุ่มรัสเซียส่วนมากมีเชื้อสายมาจากชาวสลาฟ (SLAVIC) ซึ่งทีรูปหน้าและดวงตาที่คม รูปร่างสง่า และด้วยความที่พวกเขาไม่ค่อยยิ้ม ทำให้บุคลิกของหนุ่มรัสเซียดูเป็นคนขรึมและมีเสน่ห์แบบเป็นเอกลักษณ์ของชาวยุโรปตะวันออก แต่โบราณว่าไว้ “สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น” เรื่องแบบนี้ต้องลองไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเอง เพราะถึงแม้อธิบายยังไงก็คงไม่สามารถอธิบายได้เท่ากับตาเห็น

IMG_2077

          จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นจะเห็นได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวรัสเซียทั้งสิ้น ทั้งในแง่ของความเป็นเอกลักษณ์ของรัสเซียที่มีรากฐานมาจากศาสนาคริสต์นิกายออธอดอกซ์ที่ไม่เหมือนใคร ความง่ายในการเข้าประเทศรัสเซียโดยไม่ต้องใช้วีซ่า การเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกและเข้าถึงทุกสถานที่สำคัญ สภาพอากาศที่เย็นสบายเหมาะกับการเดินเที่ยวชิลล์ๆ และค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับประเทศยุโรปอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องลังเลเลยกับการเก็บกระเป๋าและก้าวเท้าออกไปเยือนแดนหมีขาวสักครั้งในชีวิต

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

SHIPY SIWARIT TIASUWATTISETH : เขียน

HTTPS://WWW.FACEBOOK.COM/SHIPYSHIPDOTCOM

Advertisement

3 thoughts on “7 เหตุผลว่า…ทำไมตอนนี้ถึงเหมาะไปเยือนรัสเซีย

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.